“บิ๊กตู่”ขึ้นเวทีปราศรัยเสี่ยงพังทั้งกระดาน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/politic/analysis/582257

  • วันที่ 05 มี.ค. 2562 เวลา 08:42 น.

"บิ๊กตู่"ขึ้นเวทีปราศรัยเสี่ยงพังทั้งกระดาน

โดย…ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

เหลือเวลาอีกประมาณ 3 สัปดาห์จะถึงวันเลือกตั้ง 24 มี.ค.อย่างเป็นทางการ ทำให้สถานการณ์การหาเสียงเลือกตั้งในเวลานี้เรียกว่าเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายก็คงไม่ผิดนัก

ทุกสายตาจับจ้องไปที่พรรคการเมืองใหญ่ 3 พรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ โดยหลายฝ่ายคาดการณ์กันว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะมาจากพรรคใดพรรคหนึ่งจาก 3 พรรคนี้อย่างแน่นอน

ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆ น่าจะเตรียมแต่งตัวรอเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขึ้นอยู่กับพรรคการเมือง 3 พรรคใหญ่ พรรคไหนจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ไล่เรียงกันทีละพรรค เริ่มกันที่ “พรรคเพื่อไทย” นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยังคงเดินสายหาเสียงต่อเนื่อง เน้นการแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชน พร้อมกับเสนอแนวคิดตัดงบประมาณกองทัพ 10% เพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆ

ภาพรวมของพรรคเพื่อไทยน่าจะมีดีพอที่จะรักษาพื้นที่เดิมของตัวเองไว้ได้ในระดับหนึ่ง และท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยเตรียมจะปล่อยนโยบายเด็ดเพื่อมัดใจประชาชนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนวันเข้าคูหาลงคะแนน ทำให้ขุนพลหลายของพรรคมั่นใจว่า คุณหญิงสุดารัตน์จะก้าวขึ้นเป็นนายกฯ หญิงคนที่ 2 ของประเทศไทยอย่างแน่นอน

ส่วน “พรรประชาธิปัตย์” คะแนนความนิยมของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ยังคงเกาะกลุ่ม ผู้นำอยู่ เพียงแต่ยังไม่ได้อยู่ในระดับ ที่ดีที่จะทำให้มั่นใจว่าจะกลับมาเป็น นายกฯ อีกสมัย เพราะผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากหลายสำนักต่างยังมีข้อมูลตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีความเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่หลายครั้งของอภิสิทธิ์ยังคงได้รับการต้อนรับจากประชาชนจำนวนมาก แสดงให้เห็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ยังแข็งแรงอยู่ในระดับหนึ่ง อีกทั้งภาพลักษณ์ของอภิสิทธิ์เองก็เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ จึงเหลือแต่เพียงการมาคิดพรรคจะเปลี่ยนกระแสที่เกิดขึ้นให้กลับมาเป็นคะแนนได้อย่างไร

ด้าน “พรรคพลังประชารัฐ” กำลังเดินมาถึงจุดสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ภายหลังมีการเสนอแนวคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะบุคคลที่ถูกพรรคเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ น่าจะต้องลงมาช่วยพรรคหาเสียง เพื่อดึงความสนใจของสังคมให้มาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ

ตลอดระยะเวลาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่สิ้นสุดการเสนอชื่อว่าที่นายกฯ ถ้าจะบอกว่าการเดินหมาก ของพรรคพลังประชารัฐเกี่ยวกับการจัดการกับกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์  มีทั้งในส่วนที่อาจเดินมาถูกทางและ เดินมาผิดทาง

พรรคพลังประชารัฐพยายามเก็บและทะนุถนอม พล.อ.ประยุทธ์ ประดุจไข่ในหินอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้จากการพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาร่วมเวทีดีเบตกับผู้นำพรรคการเมืองพรรคอื่นๆ มีแต่เพียงการส่งหัวหน้าหรือผู้บริหารพรรคคนอื่นๆ เท่านั้น โดยอ้าง พล.อ.ประยุทธ์ มีหน้าที่ต้องบริหารประเทศ

เช่นเดียวกับการลงพื้นที่ช่วย  ผู้สมัคร สส.หาเสียง ปรากฏว่าพรรคพลังประชารัฐก็ยังไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเต็มตัวมากนัก

ในแง่ของการปฏิเสธเวทีการดีเบตยังพอเข้าใจได้ว่าอาจเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย เนื่องจากหาก พล.อ.ประยุทธ์ ไปร่วมเวทีดังกล่าวจริง จะตกอยู่ในสถานการณ์ถูกรุมกินโต๊ะ ประกอบกับที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ สื่อสารกับประชาชนทางเดียวเป็นส่วนใหญ่มาตลอด ดังนั้น ถ้ามาเจอกับตอบโต้อาจเพลี่ยงพล้ำได้

แต่สำหรับการเดินสายหาเสียงนั้น เวลาที่ผ่านไปโดยไร้เงาของ พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมอาบเหงื่อไปกับ ผู้สมัคร สส.ของพรรค นับว่าพรรคได้สูญเสียโอกาสในการเก็บคะแนนไปพอสมควร

พรรคพยายามชี้แจงหาก พล.อ.ประยุทธ์ ทำเช่นนั้นอาจตกเป็นเป้าได้ว่ามีผลประโยชยน์ขัดกันหรือ ไม่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีสถานะทางกฎหมายสมบูรณ์สำหรับการบริหารประเทศอยู่

เรียกได้ว่ากลัวนักรบมีรอยขีดข่วนก็คงไม่ผิดนัก

ในมุมของนักเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐแตกความคิดเห็นออกเป็นสองกลุ่มต่อการลงหรือไม่ลงพื้นที่หาเสียงของนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์

กลุ่มหนึ่งคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรลงพื้นที่กับผู้สมัคร สส.ได้แล้ว  เพื่อชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย เพราะการเคลื่อนไหวของ นายกฯย่อมเป็นที่สนใจของประชาชน ซึ่งจะช่วยช่วงชิงคะแนนในโค้งสุดท้ายมาได้

แต่อีกกลุ่มหนึ่งมองต่างกันไปว่าทุกครั้งเวลาที่นายกฯ ลงพื้นที่มักจะออกอาการ“หลุด” หลายครั้ง และกลายเป็นที่วิจารณ์ในสังคมอยู่บ่อยครั้ง

หาก พล.อ.ประยุทธ์ เดินสาย หาเสียงหรือแม้แต่ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่กับพรรคพลังประชารัฐ และเกิดอาการอย่างที่ว่านั้นขึ้นมาอีก จากที่เคยได้เปรียบจะกลายเป็นเสียเปรียบทันที

เป็นภาวะที่พรรคพลังประชารัฐเองตัดสินใจลำบาก ถึงในพรรคจะอุดมไปด้วยนักเลือกตั้งมือพระกาฬแต่ภายใต้สถานการณ์การเมืองที่พร้อมพลิกไปพลิกไปได้ทุกนาที การเดินก้าวต่อไปต้องคิดให้มากกว่าการหาเสียงเท่านั้น

Leave a comment