ยุบ‘ไทยรักษาชาติ’ คะแนน‘บิ๊กตู่’ไม่เพิ่ม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/politic/analysis/582508

  • วันที่ 07 มี.ค. 2562 เวลา 09:38 น.

ยุบ‘ไทยรักษาชาติ’ คะแนน‘บิ๊กตู่’ไม่เพิ่ม

โดย…ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

การเมืองได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งในวันที่ 7 มี.ค. เพราะเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยว่าสมควรยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) หรือไม่ ด้วยเหตุที่มีการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์การปกครองต่อระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากการเสนอชื่อบุคคลให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในนามของพรรค

นับตั้งแต่การเสนอชื่อนายกฯ จนมาถึงก่อนวันอ่านคำวินิจฉัย จะเห็นได้ว่าพรรคไทยรักษาชาติยังคงเดินหน้าหาเสียงตามปกติ โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นวิจารณ์นโยบายของรัฐบาล ที่สำคัญพรรคเองก็ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ ให้ถูกกดดันฝ่ายเดียว เพราะได้ตอบโต้ฝั่งตรงข้ามด้วยการใช้กลไกทางกฎหมาย

ดังจะเห็นได้จากการที่ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ ไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการเป็นบุคคลที่เสนอชื่อเป็นนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในนามของพรรคพลังประชารัฐ

กล่าวคือในมุมของเรืองไกรเห็นว่าตำแหน่งหัวหน้า คสช.อาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

แม้ กกต.จะยังไม่มีความคืบหน้าต่อกรณีการให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เกิดเป็นประเด็นที่วิจารณ์ในสังคม พร้อมกับส่งแรงกดดันไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ อย่างมีนัยสำคัญด้วย ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ เองตัดสินใจยังไม่ลงมาช่วยพรรคพลังประชารัฐหาเสียงเต็มตัวมากนัก

มาในส่วนชะตากรรมของพรรคไทยรักษาชาติในวันนี้ แน่นอนว่าออกมาได้แค่ 2 หน้า คือ “ยุบ” หรือ “ไม่ยุบ” โดยจะไม่มีกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองแล้ว แต่ไม่ยุบพรรค

ทั้งนี้ เนื่องจาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดไว้ชัดเจนว่า “มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองกระทําการ…ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น”

คดียุบพรรคครั้งล่าสุดที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยออกมานั้น เกิดขึ้นเมื่อปี 2556 ครั้งนั้นเป็นการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เกี่ยวกับที่มาของ สว.นำโดยกลุ่ม สส.พรรคเพื่อไทย ต่อมาได้มียื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ

ผลปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินใจให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้ยุบพรรคเพื่อไทย โดยศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลว่า “ยังไม่เข้าเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย”

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้จะออกในทิศทางใด แต่ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร แน่นอนว่าจะมีนัยทางการเมืองพอสมควร

คำวินิจฉัยไม่ยุบพรรคไทยรักษาชาติ ย่อมเป็นความปรารถนาหนึ่งของพรรคที่ต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญให้ความเมตตา เพราะจะทำให้กระบวนการขับเคลื่อนทางการเมืองของพรรค ทั้งการหาเสียงและการกำหนดนโยบายเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญยังทำให้พรรคเพื่อไทยอุ่นใจขึ้นด้วย เพราะอย่างน้อยพื้นที่ใดที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งผู้สมัคร แต่มีคนของพรรคไทยรักษาชาติอยู่ ก็ยังเป็นเรือล่มในหนองและทองไม่หายไปไหนแน่นอน

คำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ ในมุมของพรรคมีความเป็นไปได้ว่าอาจทำใจในระดับหนึ่งแล้วว่าอาจต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนี้

หากพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบขึ้นมาจริง จะมีผู้สมัคร สส.ของพรรค 284 คน แบ่งเป็นระบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 176 คน และบัญชีรายชื่อ 108 คน หายไปจากสารบบทันที เนื่องจากเมื่อพรรคถูกยุบแล้ว สมาชิกภาพความเป็นสมาชิกพรรค อันเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของการเป็นผู้สมัคร สส.จะสิ้นสุดลงไปด้วย

คราวนี้ทำให้เกิดประเด็นที่น่าสนใจว่าเมื่อผู้สมัคร สส.ของพรรคไทยรักษาชาติหายไปแล้ว คะแนนที่เป็นฐานของพรรคจะเทไปให้กับพรรคการเมืองใด

ในประเด็นดังกล่าวมองได้สองมุม มุมหนึ่ง มีความเป็นไปได้ที่จะไหลไปให้กับพรรคเพื่อไทย เพื่อให้พรรคเพื่อไทยชนะคู่แข่งให้ห่างมากที่สุด หรือหากแพ้ก็แพ้ให้น้อยที่สุด แต่อีกมุมหนึ่ง มีการวิเคราะห์กันว่าการให้คะแนนไหลมาพรรคเพื่อไทย อาจส่งผลให้พรรคเพื่อไทยติดกับดักรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อพรรคเพื่อไทยมี สส.ระบบแบ่งเขตเลือกตั้งมากเท่าใด โอกาสจะได้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อจะลดจำนวนลงไปด้วย จึงทำให้เริ่มคิดกันว่าที่สุดแล้ว อาจยอมให้คะแนนไหลไปยังพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์แทน ในเขตที่ไม่มีผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยซึ่งมีอยู่ 100 เขตเลือกตั้ง  เช่น พรรคเพื่อชาติ พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ เป็นต้น

ดังนั้น การยุบพรรคในวันนี้ แทบไม่ต่างอะไรกับการเปิดบทใหม่แห่งการต่อสู้ในทางการเมือง โดยไม่ใช่บทสรุปหรือตอนจบแต่อย่างใด

Leave a comment