ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
https://www.posttoday.com/politic/analysis/581416
- วันที่ 25 ก.พ. 2562 เวลา 08:29 น.

การตัดสินชี้ขาดคดียุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญ มีความหมายต่อพรรคไทยรักษาชาติและทิศทางการเมืองไทยเป็นอย่างมาก
*************************
โดย…ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
การเมืองกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในสัปดาห์หน้า เพราะศาลรัฐธรรมนูญจะกลับมาพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ในวันที่ 27 ก.พ. ในวันดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญได้ยืนยันแล้วว่าจะยังไม่มีการชี้ขาดว่าจะวินิจฉัยยุบพรรคหรือไม่ เพียงแต่เป็นการดำเนินการตามกระบวนการภายหลังเปิดโอกาสให้พรรคไทยรักษาชาติได้ทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ล่าสุด พรรคไทยรักษาชาติได้เผยแพร่ประเด็นการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึง 8 ประเด็น เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง
ข้อ 1 การดำเนินกิจการของพรรคเป็นไปตามประกาศอุดมการณ์ และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ข้อ 2 พรรคทำตามประสงค์และความยินยอม ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ภายใต้รัฐธรรมนูญ
ข้อ 3 พรรคเข้าใจโดยสุจริตว่าการเสนอชื่อดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ข้อ 4 เมื่อมีพระราชโองการวันที่ 8 ก.พ. 2562 เวลา 23.00 น. ภายหลังที่พรรคได้แจ้งรายชื่อบัญชีนายกฯ ไปแล้วเมื่อเวลา 09.00 น. พรรคจึงได้แถลงโดยทันทีในวันรุ่งขึ้น เพื่อน้อมรับพระราชโองการไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม
ข้อ 5 เสนอชื่อบุคคลใดที่มิได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดให้ผู้ร้องกล่าวหาผู้ถูกร้องในทางใดๆ ต่อศาลได้
ข้อ 6 คำว่า “ปฏิปักษ์” ให้ความหมายว่า ฝ่ายตรงกันข้าม ข้าศึก ศัตรู แต่การกระทำของผู้ถูกร้อง ได้กระทำการเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
ข้อ 7 กกต.ไม่มีอำนาจหน้าที่นำพระราชโองการมาขยายความกล่าวหาพรรคว่ากระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
ข้อ 8 มติในการประชุมครั้งที่ 18/2562 เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2562 ของ กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคไม่เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561
เมื่อพรรคไทยรักษาชาติทำคำชี้แจงไปแล้ว ทีนี้ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาในวันที่ 27 ก.พ.ว่า ควรดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างไร ซึ่งสามารถออกได้ 2 แนวทาง
แนวทางที่ 1 นัดวันไต่สวนทั้งสองฝ่าย
ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ต้องดำเนินการไต่สวนเป็นสำคัญ ซึ่งขั้นตอนหลักจะประกอบด้วย การให้แต่ละฝ่ายพยานฝ่ายของตน การนำเสนอหลักฐานเอกสาร และศาลจะกำหนดประเด็นข้อพิพาท
ตรงนี้เองอาจทำให้ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดวันพิจารณาคดี โดยให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนหาข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งกระบวนการเหล่านี้อาจต้องเป็นเวลามากหรือน้อยกว่า 30 วัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดพยานบางรายที่ไม่เกี่ยวกับคดีหรือไม่
แนวทางที่ 2 นัดวันฟังคำวินิจฉัย
แม้กฎหมายจะกำหนดหลักการให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องดำเนินการไต่สวน แต่อีกด้านหนึ่งก็มีการกำหนดข้อยกเว้นไว้เช่นกัน ดังปรากฏในมาตรา 58 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ
“หากศาลเห็นว่าคดีใดเป็นปัญหาข้อกฎหมาย หรือมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ ศาลอาจประชุมปรึกษาเพื่อพิจารณาและวินิจฉัยโดยไม่ทําการไต่สวนหรือยุติการไต่สวนก็ได้”
ตรงนี้ที่ทำให้หลายฝ่ายเริ่มวิเคราะห์กันไปในทิศทางเดียวกันว่าโอกาสที่จะเห็นการตัดสินชี้ขาดคดีก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. มีความเป็นไปได้มากขึ้น เพราะกฎหมายมีการกำหนดข้อยกเว้นเรื่องกระบวนการไต่สวนเอาไว้
การตัดสินชี้ขาดก่อนวันที่ 24 มี.ค. มีความหมายต่อพรรคไทยรักษาชาติและทิศทางการเมืองไทยเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเกิดการยุบพรรคขึ้นมาก่อน นั่นหมายความว่าสถานการณ์เป็นผู้สมัคร สส.ของพรรคสิ้นสุดลงทันที เนื่องจากการยุบพรรคจะมีผลให้ความเป็นสมาชิกพรรคสลายไปด้วย
เท่ากับว่าบางพื้นที่ในภาคอีสานและภาคเหนือที่พรรคไทยรักษาชาติส่งผู้สมัครและพรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งผู้สมัครนั้้นจะหายไปทันที ทำให้พรรคการเมืองอื่นๆ มีโอกาสได้ สส.ในพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้น เพราะปราศจากคู่แข่งคนสำคัญจากทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่
ด้วยเหตุนี้ จึงขึ้นอยู่กับว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีความเห็นอย่างไรถ้าศาลเห็นว่าคำร้องของ กกต.และการชี้แจงข้อกล่าวของพรรคไทยรักษาชาติ เพียงพอที่จะให้ศาลวินิจฉัยได้แล้วในวันที่ 27 ก.พ. ศาลอาจนัดวันทำคำวินิจฉัยให้เด็ดขาด แต่หากไม่เป็นเช่นนั้นศาลจะเดินหน้าเพื่อทำการไต่สวนต่อไปตามกฎหมายต่อไป
ดังนั้น สถานการณ์ทางการเมืองในสัปดาห์นี้จะต้องจับตาด้วยใจระทึก