
12 พ.ค. 2568 05:50 น.
- ไลฟ์สไตล์
- อินทรีเหล็ก
บุคคลในข่าว 12 พฤษภาคม 2568
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ…..ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ…..ฉบับประจำวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ระหว่าง สงครามการค้าโลก กับ นิติสงคราม ในประเทศไทย……เป็นโจทย์ใหญ่ของ คนไทย และ รัฐบาลไทย ภายใต้การบริหารของ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร……ที่จะต้องเรียงลำดับความสำคัญของปัญหาระหว่าง ส่วนรวม กับ ส่วนตัว อะไรมาก่อนมาหลัง……สำหรับ ผู้มีบารมีตัวจริงเสียงจริง ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยน แปลงในยุคที่ สงครามการค้าโลก กำลังเป็นภัยคุกคามความมั่นคงครั้งใหญ่มีแค่ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และ สี จิ้นผิง ผู้นำจีนเท่านั้น……ไม่ใช่ บ้านจันทร์ส่องหล้า หรือ บ้านใหญ่บุรีรัมย์ ทั้งนั้น…..อย่าปล่อยให้ ประชาชนตาดำๆ ต้องรับกรรมไปตามระเบียบ

จับตา นิติสงคราม ที่จะเป็นการขุดรากถอนโคน ขั้วการเมือง……ดาบแรกจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยืนยันการแจ้งข้อหา ฮั้วเลือก สว. ตามที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่งเรื่องให้ กกต.ชุดใหญ่….ที่รวมเอา คดีฟอกเงิน และ อั้งยี่ซ่องโจร ไว้ด้วย…..มีพนักงานสอบ สวนจาก ดีเอสไอ และ กกต. ทำงานร่วมกัน…..มีพยานหลักฐานประกอบด้วยเอกสาร ภาพถ่าย เสียง สถานที่อยู่ 10 กว่ารายการ…..โดย รมว.ยุติธรรม กล่าวย้ำว่า หากพยานชี้ไปถึงใครเอาหมด……ไม่มีลูบหน้าปะจมูก ไม่มีดีลลับ……เอากันถึงตาย

ดาบสอง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงนามในคำสั่งด่วนที่สุดขอความอนุเคราะห์ การประสานงานป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีพิเศษและการให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน การสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ…..ถึง ผบ.ตร. ปลัดมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง และ ผู้ว่าราชการจังหวัด ขอการสนับสนุนในการสืบสวนสอบสวนการดำเนินคดีพิเศษทั่วประเทศ……มีหนังสือตอบกลับจาก ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ยินดีให้ความร่วมมือกับ ดีเอสไอ และถือโอกาสชี้แจงกรณีหนังสือร้องเรียน การสอบ พยานคดีฮั้วเลือก สว. จาก ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ถึง ปลัดมหาดไทย….เป็นเพียงการรายงานถึงผู้บังคับบัญชาตามปกติ…..ไม่มีอะไรในกอไผ่…..แต่มหาดไทยจะยึดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และ พ.ร.บ.อุ้มหาย คุ้มครองสิทธิประชาชนด้วย

ดาบที่สาม…..คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคดีฮั้ว สว. ที่นำโดย ร.ต.อ.ชนินทร์น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. ลงนามหมายเรียก สว.ลอตแรก จำนวน 54 ราย มารับทราบข้อกล่าวหา ตามความผิดว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ.2561 ตาม พ.ร.ป.เลือกตั้ง…..และเตรียมออกหมายเรียก สว.มารับทราบข้อกล่าวหา ลอตต่อไปอีก 97 ราย….เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนเชื่อมโยง ผู้บงการและผู้มีอิทธิพล…….ในจำนวนนี้มีทั้ง มงคล สุระสัจจะ ประธาน สว. และ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธาน สว. อยู่ด้วย……ดาบต่อไป กรรมาธิการการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ที่มี ฉลาด ขามช่วงสส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน เตรียมเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงในกรรมาธิการ วันที่ 15 พ.ค.นี้อีกกระทอก


และอีกดาบ นันทนา นันทวโรภาส แกนนำ สว.กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ ออกมาเรียกร้องให้ มงคล สุระสัจจะ ประธาน สว. และ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธาน สว. …..แสดงสปิริต ยุติการทำหน้าที่ ตามมรรยาททางการเมือง……จับตา เส้นตายวันที่ 19 พ.ค. นี้ จะมี สว.ที่ถูกเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหากี่คน…….อาทิ สว.อลงกต วรกี…….อ้างว่ายังไม่ได้รับหมายเรียก เพราะที่อยู่ปัจจุบันกับตามทะเบียนบ้านเป็นคนละหลังกัน….ต้องดูว่า ข้อกล่าวหาใครเป็นคนออก ถ้าเป็น กกต. พร้อมจะไปชี้แจง ถ้าเป็นดีเอสไอไม่ไป เพราะ ดีเอสไอไม่มีอำนาจ….สู้กันถึงฎีกาโดยมีอนาคตของ พรรคภูมิใจไทย เป็นเดิมพัน

หลัง แพทยสภา ที่มี นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา แถลงยืนยันมี แพทย์ 3 ราย ถูกลงโทษ คดีจริยธรรมเกี่ยวกับการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ ของ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร….โดยระบุว่า การเข้ารักษาตัวของอดีตนายกฯทักษิณ ….ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ามีอาการป่วยวิกฤติ….ที่คาดว่า จะเป็นสารตั้งต้น ส่งผลต่อการพิจารณา การรับโทษของอดีตนายกฯทักษิณ ของ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ด้วย…..ส่วนจะขยายผลไปถึงใครอย่างไร…..โดยเฉพาะ คดีจริยธรรม ที่จะกล่าวโทษไปถึง นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ด้วยหรือไม่นั้น……จะเป็นหนังม้วนยาว….. โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของ รมว.สาธารณสุข สมศักดิ์ เทพสุทิน จะต้องพิจารณาเห็นด้วยหรือคัดค้านมติของแพทยสภา …..จะจัดการกับ เผือกร้อน ที่อยู่ในมืออย่างไร……เพราะโยงถึงอนาคตทางการเมืองของ พรรคเพื่อไทย ด้วยเช่นกัน

ประกอบกับการที่ ศาลอาญา มีคำสั่ง ยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ อดีตนายกฯทักษิณ เดินทางออกนอกประเทศ ที่จะขอไป ประเทศกาตาร์ ตามคำเชิญของ เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ระหว่าง 15-22 พ.ค. เพราะเห็นว่า การไปร่วมงานเลี้ยงที่ประเทศกาตาร์ เพื่อเป็นเกียรติให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เป็นการเชิญส่วนตัวไม่เป็นทางการ……จบข่าว…..เมื่อเร็วๆนี้ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เป็นประธานลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติส่วนเพิ่มแหล่งอาทิตย์มี พงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ปตท. มนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ประธานกรรมการบริหาร เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต และเคน ทาคากิ ผู้จัดการทั่วไป โมเอโกะ ไทยแลนด์ ร่วมพิธีลงนาม โดยสัญญาดังกล่าวจะเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติของแหล่งอาทิตย์ได้อีก 50 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ทำให้ปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็น 330 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานไทยอย่างยั่งยืน
“อินทรีเหล็ก”
คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม