
13 มิ.ย. 2568 04:40 น.
- ไลฟ์สไตล์
- ธนูเทพ
บุคคลในข่าว 13 มิถุนายน 2568
ถ้าไม่ได้ทำผิด ก็ไม่ต้องกลัวคำกล่าวหา หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสีจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2568

“ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน สถานการณ์ความขัดแย้ง ชายแดนไทย–กัมพูชา จากกรณีเหตุปะทะที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดและสร้างความกังวลว่าจะเกิด สงครามชิงแดน…แต่สุดท้ายสถานการณ์ก็ได้เริ่มคลี่คลาย เมื่อ กองทัพไทย ใช้มาตรการทางยุทธวิธีตอบโต้กดดัน สั่งกำลังพลเตรียมพร้อมรบ ระดมอาวุธยุทโธปกรณ์เต็มพิกัด เฝ้าระวังตามแนวชายแดน ไทย–กัมพูชา อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันและตอบโต้หากมีการรุกล้ำอธิปไตย…พร้อมใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก สั่งจำกัดเวลาเปิด–ปิด ด่านชายแดน ไม่ให้คนไทยข้ามไป บ่อนกาสิโน ในเขต กัมพูชา และลดการขนส่งสินค้าต่างๆให้แก่ กัมพูชา เพื่อเป็นการตอบโต้กดดัน ที่ ทหารกัมพูชา รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อนกว่า 150 เมตร ขัดต่อข้อตกลง พร้อมสั่งกำชับกองกำลังที่คุมด่านต่างๆตามแนวชายแดน หากมีการโจมตีจากทหารกัมพูชาให้ปิดด่านข้ามแดนอย่างถาวรทันที รวมถึงขู่ใช้ มาตรการตัดกระแสไฟฟ้า ที่ไทยส่งให้จังหวัดต่างๆของกัมพูชา

เมื่อเจอมาตรการตอบโต้กดดันอย่างเข้มข้นจาก กองทัพไทย ทำให้ รัฐบาล และ กองทัพกัมพูชา ต้องเปลี่ยนท่าทีลดความแข็งกร้าว ยอมปรับถอนกำลัง ถอยออกจากพื้นที่ทับซ้อนบริเวณ ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับไปอยู่ในแนวที่ตั้งเดิม เมื่อปี 2567 แสดงท่าทีพร้อมเข้าสู่ แนวทางเจรจา แก้ปัญหาความขัดแย้ง ชายแดนกับ รัฐบาลไทย แทนการใช้กำลังเข้าปะทะกัน…งานนี้ ประสา “ธนูเทพ” เห็นว่าอันดับแรกต้องยกให้เป็นผลงานของ กองทัพ ที่ใช้ ยุทธวิธี กดดันให้ กัมพูชา เดินกลับเข้าสู่การเจรจาแก้ปัญหาความขัดแย้ง อย่างสันติ ยุติการเผชิญหน้าของทหารทั้งสองฝ่าย ก่อนจะบานปลายกลายเป็น สงครามระหว่างประเทศ ถือว่าทำหน้าที่ได้สมภาคภูมิ น่าชื่นชมอย่างยิ่ง…ขณะที่ในส่วนของ รัฐบาล ภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แม้ถูกมองว่ามีท่าที นุ่มนิ่มนุ่มนวลเกินไป ไม่มี ความแข็งกร้าวเด็ดขาด ในการแก้ปัญหา ทหารกัมพูชา รุกล้ำชายแดนไทย เพราะ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี และคนใน ตระกูลชินวัตร มีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับ ฮุน เซน ประธานรัฐสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แต่ถ้ามองถึงการทำหน้าที่ของ รัฐบาลไทย ที่ต้องแสดงท่าทีในสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ท่ามกลาง สายตานานาชาติ ที่จับจ้อง ก็ถือว่า ทรงตัวได้ดี ที่ไม่แสดงท่าทีใช้อารมณ์เกรี้ยวกราด กระเหี้ยนกระหือ ใช้อาวุธเข้าห้ำหั่นทำสงครามแก้ปัญหา…แน่นอน ท่าทีเช่นนี้อาจไม่ถูกใจคนไทยที่อินกับ กระแสชาตินิยม แม้ นายกฯแพทองธาร ได้ย้ำมาก่อนแล้วว่า ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด แต่ก็ไม่มีใครสนใจฟังสักเท่าไหร่…ขณะที่ต่อมาทาง กองทัพบก ได้เชิญชวนให้คนไทยติดแฮชแท็กในประโยคเดียวกัน ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด กลับเป็น กระแสกระหึ่มโซเชียลฯ ทั้งที่ความหมายก็ชัดเจนตรงกันว่า คนไทยนั้นรักสงบ แต่ถึงคราวต้องรบก็ไม่ขลาด พร้อมสู้ตาย…แต่หลายคนกลับมองข้ามคำว่า สงบ คิดแต่จะให้ รบ อย่างเดียว และสุดท้ายขนาด กองทัพ เองก็ยังใช้ ยุทธวิธี เพื่อทำให้พื้นที่ชายแดน ไทย–กัมพูชา เกิดความสงบ โดยไม่ต้องทำ สงครามรบราฆ่าฟัน เพราะถ้าทั้งสองฝ่ายปะทะกันก็ต้องเสียเลือด เสียเนื้อ บาดเจ็บ ล้มตาย ขณะที่ ประชาชน ในพื้นที่ ทั้ง ไทยและกัมพูชา แม้แต่ เด็กน้อยตาดำๆ ก็จะได้รับเคราะห์กรรมจาก ภัยสงคราม อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายสมรภูมิ


ล่าสุด หลังการประชุม ครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายกฯแพทองธาร ได้แถลงถึงสถานการณ์ ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาล พยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ ผลออกมาค่อนข้างเรียบร้อยดี มีการประสานความร่วมมือตามกรอบ ทวิภาคี รวมถึงคุยกันระหว่าง กระทรวงและทุกหน่วยงาน ขณะที่ตนเองได้พูดคุยกับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผลลัพธ์ที่ออกมาสามารถ เจรจากันด้วยสันติวิธี ทำให้ไม่มีการปะทะกันที่รุนแรง มีการปรับกำลังพลในพื้นที่ที่มีข้อพิพาทให้อยู่ในสถานการณ์ปกติ ส่วนพื้นที่อื่นๆยังมีกำลังพลตามเดิม รัฐบาล ขอยืนยันการเจรจาทั้งหมดนี้ผ่านไปด้วยดี และขอเน้นย้ำว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นกับ ประชาชน อย่างแน่นอน…รวมถึง กระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานว่าการประชุม คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) วันที่ 14 มิ.ย.นี้ มีการยืนยันแล้วในทุกระดับ ทั้ง กระทรวงการต่างประเทศ และ ระดับนายกรัฐมนตรี ขอยืนยันวันที่ 14 มิ.ย.นี้ มีการประชุมเกิดขึ้นแน่นอน


งานนี้ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดน ไทย– กัมพูชา จะกลับเข้าสู่ ภาวะปกติได้จริงๆ อย่างที่ รัฐบาล ยืนยันไว้หรือไม่ โดยผลจาก การประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะเป็นตัวชี้วัดเบื้องต้น ว่า รัฐบาลกัมพูชา จริงใจที่จะเจรจา หรือเป็นแค่เล่ห์เหลี่ยม วางหลุมพราง หาทางดัดหลัง รัฐบาลไทย ในย่างก้าวต่อไป จบข่าว
ผ่างๆ…วันนี้ ศุกร์ 13 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนเรื่องการบังคับโทษจำคุกของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ…โดยเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของอดีตนายกฯทักษิณ ออกมาตีปี๊บว่าได้ขอขยายทำคำชี้แจง ซึ่งศาลฯได้อนุญาตกำหนดกรอบเวลาเป็นภายในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ และในวันที่ 13 มิ.ย. ตนเองในฐานะทนายจะเดินทางไปศาลฎีกาฯ ตามนัดไต่สวน โดย อดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่ต้องไปศาลฯ …พยายามใช้เทคนิคยื้อเวลาเต็มที่เหมือนกัน แต่ยังไงก็ตามในการพิจารณาไต่สวนนัดนี้ ศาลฯ จะ มีคำสั่งอะไร ออกมาหรือไม่ ต้องรอลุ้นกันด้วยความระทึก


สังคมทั่วไป
สวดพระอภิธรรม พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ศาลา 5 วัดโสมนัสฯ 18.00 น. ถึง 16 มิ.ย. พระราชทานเพลิง 17 มิ.ย. 16.00 น.
ฌาปนกิจ สุใจ แสงศิริอัมพร มารดา ดร.นุชนาถ วสุรัตน์ 14 มิ.ย. 14.00 น. วัดเทพศิรินทราวาส
“ธนูเทพ”
คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม