
10 ก.ค. 2568 03:00 น.
บุคคลในข่าว 10 กรกฎาคม 2568
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ…..ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ…..ฉบับประจำวันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เพลิงสุริยะ มารายงานตัวรับใช้ท่านผู้อ่าน…………….วิกฤติประเทศไทยในห้วงสุญญากาศอำนาจ ……..เลยเส้นตายที่ รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนด เดดไลน์เอาไว้ 9 ก.ค.2568 ในการบังคับใช้ อัตราภาษีใหม่กับประเทศคู่ค้า โดยช่วงคืนวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ส่งจดหมายยืนยันการเรียกเก็บภาษีจากไทย 36% แล้ว ……..พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง หัวหน้าทีมเจรจาภาษีสหรัฐฯ ยอมรับว่ามีช็อกบ้างนิดหน่อย แต่ยังมองมุมบวกว่าจดหมายของสหรัฐฯออกมาก่อน โดยที่ยังไม่ได้พิจารณาข้อเสนอใหม่ที่ไทยส่งไปล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ขุนคลัง–พิชัย บินไปเจรจาที่สหรัฐฯด้วยตัวเอง แต่ต้องกลับมาบ้านมือเปล่า แม้ข้อเสนอของไทยจะลด แลก แจก แถม แทบจะลอกการบ้านกันมากับเวียดนาม……..ตัวเลขที่ฝ่ายไทยเสนอไปมีทั้ง อัตราภาษี 0%, การลดดุลการค้าลง 50% ให้ได้ปี 2573, จะเร่งสร้างสมดุลทางการค้าระหว่างไทย–สหรัฐฯ ภายใน 7–8 ปี จากเดิมที่วางไว้ในปี 2578, เพิ่มการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ อาทิ พลังงาน (น้ำมันดิบ-LNG-อีเทน), เครื่องบินและชิ้นส่วน, อาวุธยุทโธปกรณ์, ข้าวโพด ถั่วเหลือง เนื้อวัว ฯลฯ

ท่าทีการเจรจาแบบช้าๆได้พร้าเล่มงาม ที่ดูขัดอกขัดใจกลุ่มผู้ที่อาจได้รับผลกระทบ แต่ ขุนคลัง–พิชัย ยังเชื่อว่าจะปิดดีลภาษีกับสหรัฐฯได้ก่อนวันที่ 1 ส.ค.ที่จะถึงนี้……..มั่นใจว่าข้อเสนอของไทยครั้งนี้จะได้รับข่าวดี เนื่องจากอธิบาย วัดผลและปฏิบัติได้…..และอัตราภาษีที่ไทยโดนจะไปอยู่ในกลุ่มระดับเดียวกันกับประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการค้า และการส่งออกของเราทำให้เราสามารถแข่งขันได้…..สุดท้ายเราต้องรอเมตตาจากสหรัฐฯเคาะออกมา

ส่วนข้อกังวลที่ไทยเข้าไปร่วมกลุ่ม BRICS เราเป็นแค่กึ่งพาร์ตเนอร์ เข้าไปเรียนรู้และสังเกตการณ์มากกว่า และต้องอยู่ให้ได้กับทุกฝ่าย คนอื่นไปกันตั้งนานแล้ว……..พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีแผนสำรอง ไม่ว่าภาษีจะอัตรา 36% หรือต่ำกว่านั้น เพราะการค้าขายในโลกนี้ต้องปรับกันใหม่ และมีแผนมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ…..นอกจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือ ยังมีแหล่งเงินอื่นที่จะลงมาช่วยได้ ทั้งตลาดเงินและตลาดทุน

ส่วนข้อห่วงใยของภาคเอกชนที่ยังกังวลว่า การลดภาษีเป็น 0% โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตร อาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกร และผู้ผลิตไทยอย่างรุนแรง ทำให้คู่ค้าชาวไทยที่มีข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) เสียเปรียบสหรัฐฯ……..พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานหอการค้าไทย ระบุว่า ภาคเอกชนยอมรับได้กับข้อเสนอของรัฐบาลที่ยื่นไปรอบที่ 2 แต่ก็ คาดหวังว่าจะไม่ลดภาษี 0% ในสินค้าทุกรายการ

เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. ชี้ว่าสิ่งที่น่ากังวลที่สุดขณะนี้ คือข้อเสนอจากเวียดนามที่สหรัฐฯอาจนำมาใช้เป็นต้นแบบ คืออัตราภาษี 0% ทุกรายการ หากไทยต้องยอมรับเงื่อนไขนี้ สินค้าที่จะได้รับผลกระทบที่สุดคือ ภาคการเกษตร สินค้าเกษตรจากสหรัฐฯราคาถูกจะหลั่งไหลเข้ามาถล่มเกษตรกรไทย……..แล้วกลุ่มเกษตรกรไทยที่เป็นกลุ่มเปราะบางอยู่แล้วในภาคผลิต จะรับมือกับผลกระทบนี้ไหวหรือไม่……..ดนุชา พิชยนันท์ เลขาฯสภาพัฒน์ ให้สัมภาษณ์ยอมรับ ต้องกลับมาทบทวนการประเมินจีดีพีในไตรมาส 3 และ 4 และยังมีสินค้าบางตัวที่ยังคงแข่งได้ภายใต้อัตราภาษีนี้

“ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าและมือเศรษฐกิจพรรคประชาชน บอกว่าค่อนข้างช็อกที่สหรัฐฯส่งจดหมายบังคับใช้อัตราภาษี 36% กับไทย เป็นการบีบต้อนให้เราจนมุมด้วยเดดไลน์ ทำให้ต้องคายข้อเสนอที่ยังตกลงกันไม่ได้ให้มากกว่าเดิม……..ไม่รู้ว่าภาษีสุดท้ายจะอยู่ที่เท่าไหร่ แต่กว่าจะถึงวันที่ 1 ส.ค. เรายังพอมีโอกาสเจรจาลดภาษีน้อยลงกว่า 36% ได้…….. และใน กมธ.งบประมาณ 2569 กมธ.ในส่วนของพรรค ปชน. เรียกร้องมาตลอดให้จัดทำงบฯใหม่ ให้สอดรับกับสถานการณ์กำแพงภาษีสหรัฐฯ แต่ไม่ได้รับการตอบรับ……..ก็อยู่ที่รัฐบาลแล้วล่ะว่า จะทู่ซี้หัวชนฝา พาคนไทยลงเหวหรือไม่……..และอยู่ที่ทีมไทยแลนด์จะตีโจทย์แตกหรือไม่ เกมการเมืองโลกของแทร่

กลิ่นเลือกตั้งใหญ่โชยมา เพิ่งจะตีกรอบเวลา KPI เอาไว้ 3 เดือน ให้ข้าราชการมหาดไทยเร่งปั่นผลงาน รวมถึงล้างคราบไคลสีน้ำเงินให้หมด…….. แต่ใน การประชุม ครม. เป็นทางการนัดแรก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เห็นชอบตามที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ เสนอโยกย้าย ขรก. สายตรงสีน้ำเงิน คือ ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง และ นฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ไปเป็นผู้ตรวจราชการ……..แล้วให้ นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าฯเชียงใหม่ มาเป็นอธิบดีกรมการปกครอง ภพชนก ชลานุเคราะห์ ผู้ว่าฯเพชรบุรี มาเป็นอธิบดี สถ. แทน
สำหรับ ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ โตมาในพื้นที่อีสานใต้ เคยเป็น รองผู้ว่าฯบุรีรัมย์ ก่อนขยับขึ้นเป็น ผู้ว่าฯ และต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็น อธิบดีกรมการปกครอง ส่วน นฤชา โฆษาศิวิไลซ์ เคยเป็น ปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ ไปขึ้นรอง ผู้ว่าฯบึงกาฬ จนขึ้นเป็น ผู้ว่าฯบึงกาฬ ก่อนจะโยกมาเป็น ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ และเป็น อธิบดี สถ. ……..ภูมิธรรม อ้างว่าที่บอกว่า 3 เดือน ไม่ได้หมายความว่าให้ครบ 3 เดือน อะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานสามารถโยกย้ายได้ ……..2 อธิบดีที่ถูกโยกย้าย ไม่เกี่ยวว่าเป็นสายบุรีรัมย์หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เกี่ยวกับงานล้วนๆ……..เชื่อกันไหมพี่น้อง
ดันต่อไม่ไหวก็พักไว้ก่อน ที่ประชุม ครม. วันเดียวกัน เห็นชอบให้ถอน ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกจากสภา หลังเจอแรงกดดันหนักจากทุกฝ่าย……..นี่ก็อีกเกมตอบโต้เขมร เมื่อ ตำรวจไซเบอร์ นำกำลังเข้าตรวจค้นทลายเครือข่าย “ฟู ก๊ก อาน” หรือ ก๊ก อาน คนสนิท ฮุน เซน ผู้นำตัวพ่อของเขมร ตัวเอ้ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บัญชีม้า โกงทางออนไลน์ ตามหมายจับศาล
สำหรับ ก๊ก อาน เกิดที่เกาะกง เป็นลูกครึ่งจีน-กัมพูชา และยังเป็น วุฒิสมาชิก พรรคซีพีพี เจ้าของ คราวด์ รีสอร์ต หรือรู้จักกันในนาม เจ้าพ่อปอยเปต มีโรงแรมและกาสิโนหลายแห่ง ทั้งที่ ปอยเปตและสีหนุวิลล์……..งานนี้เอาคืนได้แสบ ทุบกล่องดวงใจเขมรเทาตัวพ่อ.
“เพลิงสุริยะ”
คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม