ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160404/225271.html
หลักธรรมาภิบาลที่หายไปจากร่างรัฐธรรมนูญ : บทความพิเศษ โดยกรรณิการ์ กิจติเวชกุล
ร่างรัฐธรรมนูญของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ มาตราที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ไม่มีการแก้ไขจากฉบับร่างก่อนหน้า เขียนกลไกอย่างหละหลวม ตัดกลไกการมีส่วนร่วมของฝ่ายนิติบัญญัติและประชาสังคมก่อนการเจรจาทั้งหมด
หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ผนวกรวมกับแนวความคิดของ นายวิษณุ เครืองาม และกระทรวงการต่างประเทศ นับจากนี้การเจรจาความตกลงระหว่างประเทศจะไม่ยึดโยงประชาชนอีกต่อไป
กระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน และฝ่ายนิติบัญญัติ ในการจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้า การลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง ถูกตัดออกจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยแทบหมด เหลือเพียงถ้อยคำที่ไม่ได้มีความหมายในวรรคท้ายคือ การกำหนดวิธีการที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและการเยียวยาที่จำเป็นในกฎหมายลูก
อยากเห็นตัวอย่างความคิดของรัฐต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในการทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ให้พิจารณาจดหมายด้านล่างที่กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือถึงรองนายกรัฐมนตรี (วิษณุ เครืองาม) เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2558 แจ้งข้อเสนอถ้อยคำมาตราที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำหนังสือสัญญาในรัฐธรรมนูญ
1.อำนาจในการทำหนังสือสัญญาในหลักการ การทำหนังสือสัญญาเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร โดยมีข้อยกเว้นในกรณีการทำหนังสือสัญญาที่มีความสำคัญ
2.ประเภทหนังสือสัญญาที่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการจัดทำหนังสือสัญญาควรกำหนดประเภทของหนังสือสัญญาที่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาอย่างชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการตีความที่ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนและความกังวลใจให้แก่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ 3.กระบวนการในการจัดทำสนธิสัญญาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการจัดทำหนังสือสัญญา ไม่ควรกำหนดให้ต้องเสนอกรอบการเจรจาที่เป็นเนื้อหาสาระสำคัญอันจะนำไปสู่การจัดทำหนังสือสัญญา เนื่องจากจะทำให้คู่เจรจาล่วงรู้ถึงท่าทีของไทยและเตรียมการตอบโต้ได้ และในกรณีกรอบพหุภาคี มีหลายกรณีที่ผู้แทนที่เข้าร่วมประชุมไม่สามารถทราบได้ล่วงหน้าว่า เอกสารที่จะเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของการประชุมจะออกมาในรูปแบบใด
กล่าวคือ อาจเป็นมติที่ประชุม (resolution) แนวทางปฏิบัติ (guidelines) หรือมีลักษณะที่เป็นความตกลง รวมทั้งไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ด้วยว่าเนื้อหาสาระจะเข้าข่ายที่จะต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีกรณีหนังสือสัญญาที่มีผลใช้บังคับแล้ว และประเทศไทยจะภาคยานุวัติเข้าเป็นภาคีหนังสือสัญญาดังกล่าวในภายหลัง ซึ่งในกรณีดังกล่าวการกำหนดให้คณะรัฐมนตรีเสนอกรอบการเจรจาต่อคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบก่อน เป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากไม่มีห้วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการดังกล่าว
ดังนั้น จึงน่าจะเป็นการเหมาะสมกว่าที่รัฐบาลควรเป็นผู้พิจารณากำหนดท่าทีและนโยบายในการเจรจา โดยรัฐสภาสามารถพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อร่างหนังสือสัญญาที่เสร็จสมบูรณ์แล้วหรือไม่ในภายหลัง ทั้งนี้ การดำเนินการของรัฐบาลจะได้รับการตรวจสอบโดยกลไกอื่นๆ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว อาทิ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การยื่นกระทู้ในประเด็นสำคัญ รวมทั้งกระบวนการในศาลปกครองและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
4.กฎหมายว่าด้วยการทำหนังสือสัญญาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการจัดทำหนังสือสัญญาควรกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการทำหนังสือสัญญา โดยมีองค์ประกอบหลัก ได้แก่ (1) นิยามของคำว่า “หนังสือสัญญา” ที่สอดคล้องกับคำว่า สนธิสัญญา (treaty) ตามกฎหมายระหว่างประเทศ (2) ขั้นตอนและการดำเนินการจัดทำหนังสือสัญญา และ (3) ขั้นตอนการเสนอหนังสือสัญญาต่อรัฐสภา
ทั้งนี้ การตรากฎหมายเกี่ยวกับการจัดทำหนังสือสัญญาที่เข้าข่ายเป็นสนธิสัญญา (treaty) ควรดำเนินการให้มีผลบังคับใช้พร้อมกับการมีผลบังคับใช้ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งควรเป็นกฎหมายในลักษณะกระบวนการทั่วไป แยกต่างหากจากรัฐธรรมนูญ
5.การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบหลักการเรื่องการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญาควรกำหนดไว้ในกฎหมายเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ มากกว่าที่จะระบุรายละเอียดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่น่าจะครอบคลุมและมีประสิทธิภาพพอ
หากสาระเช่นนี้ผ่านไปก็เท่ากับว่า สิ่งที่นัก(การเมืองด้อยคุณภาพ) กลุ่มทุนครอบชาติ และฝ่ายข้าราชการประจำล้าหลัง ที่เคยพยายามทำลายธรรมาภิบาลในการจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ แต่ไม่เคยทำสำเร็จ แต่วันนี้สำเร็จแล้วโดยพวกเขาไม่ต้องออกแรง
