แบงก์ไม่เลิกขายพ่วงชิปการ์ด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 มิ.ย. 2559 05:15

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/638282

 

ธปท.ย้ำให้ลูกค้าเลือกเอง-เอทีเอ็มใช้ถึงปี 62

ธปท.ร่อนหนังสือเวียนถึงผู้จัดการธนาคารพาณิชย์ ย้ำเปลี่ยนบัตรชิปการ์ดต้องชี้แจงรายละเอียด และให้ลูกค้าเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินโดยอิสระ ห้ามบังคับขายพ่วง หลังประชาชนยังร้องเรียนไม่เลิก แนะเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมแต่ละแบงก์ และเลือกแบงก์ที่ให้เงื่อนไขดีสุด ยันเอทีเอ็มใช้ได้ถึงปี 62 ส่วนเดือน เม.ย.59 มีบัตรเอทีเอ็ม–เดบิต 59.9 ล้านใบ แต่ยอดคนใช้บัตรเดบิตรูดซื้อสินค้ายังต่ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ลงนามในหนังสือเวียนถึงผู้จัดการธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งที่จดทะเบียนในประเทศ เรื่อง การเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิตแถบแม่เหล็กเป็นชิปการ์ดแก่ลูกค้า โดยระบุว่า ธปท.ได้พบว่าการให้ข้อมูลและแนวปฏิบัติของธนาคารพาณิชย์หลายแห่งในการดำเนินการเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็ม หรือบัตรเดบิตแถบแม่เหล็กเป็นชิปการ์ดแก่ลูกค้าในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่ชัดเจนเพียงพอ ทำให้เกิดการร้องเรียนจากลูกค้าในหลายกรณี เช่น การขึ้นค่าธรรมเนียมชิปการ์ด การยกเลิกบัตรเอทีเอ็มแบบธรรมดา การบังคับขายบัตรที่มีค่าธรรมเนียมสูง ที่มีการพ่วงสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น โดยไม่ให้ทางเลือกกับลูกค้าในการใช้บัตรแบบธรรมดา

ทั้งนี้ ธปท.ขอย้ำให้ธนาคารพาณิชย์ตระหนักถึงการดูแลลูกค้าในช่วงปรับเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิตแบบแถบแม่เหล็กเป็นแบบชิปการ์ด โดยคำนึงถึงสิทธิของลูกค้าอย่างน้อยในเรื่องการที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และสิทธิที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินได้อย่างอิสระตามแนวนโยบายของ ธปท. เรื่อง การนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคารพาณิชย์อย่างเคร่งครัด โดยธนาคารพาณิชย์จะต้องเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน ถูกต้อง และครบถ้วน โดยลูกค้าจะต้องได้รับข้อมูลที่สำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้า และเปิดโอกาสให้ลูกค้าตัดสินใจอย่างอิสระ

สำหรับข้อมูลที่สำคัญต่อการตัดสินใจของลูกค้า เช่น ประโยชน์ในการเปลี่ยนเป็นบัตรชิปการ์ด ค่าใช้จ่ายของธนาคารในการเปลี่ยน รวมถึงค่าธรรมเนียมบัตรรายปีที่ชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่นได้ รวมทั้งให้ทราบข้อเท็จจริงที่ว่า บัตรแถบแม่เหล็กเดิมยังสามารถใช้งานได้จนถึงสิ้นปี 62 นอกจากนั้น ธนาคารพาณิชย์ยังต้องชี้แจงสิทธิ และให้สิทธิลูกค้า ที่จะสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้โดยอิสระ โดยไม่ถูกบังคับหรือจำยอม

นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการ ธปท.สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ธปท.ได้กำชับธนาคารพาณิชย์ไปแล้วว่า ทุกสาขาของธนาคารพาณิชย์จะต้องเตรียมบัตรเดบิตพื้นฐานที่ใช้สำหรับกดเงิน และรูดซื้อสินค้า โดยไม่มีการพ่วงบริการอื่น ซึ่งเป็นบัตรมีค่าธรรมเนียมรายปีต่ำสุดไว้ให้ลูกค้า ที่ต้องการเปลี่ยนบัตรเป็นแบบธรรมดา จะอ้างกับลูกค้าว่าไม่มี หรือหมดไม่ได้ โดยหากสาขาใดของธนาคารใดแจ้งลูกค้าว่า ไม่มีชิปการ์ดพื้นฐาน จะต้องทำบัตรชิปการ์ดพ่วงประกัน หรือพ่วงสิทธิประโยชน์อื่นๆ ขอให้ลูกค้าโทร.แจ้งได้ที่สายด่วน ธปท. 1213 ซึ่ง ธปท.จะดำเนินการสอบสวน และดำเนินการกับธนาคารพาณิชย์แห่งนั้นทันที

ส่วนค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนบัตร และค่า ธรรมเนียมรายปีของบัตรเดบิตชิปการ์ด ที่มีความแตกต่างกัน โดยบางธนาคารได้ปรับลดค่าธรรมเนียมรายปีลงแล้ว แต่บางธนาคารคิดค่าธรรมเนียมเท่ากับบัตรเดบิตเดิมที่ใช้ในปัจจุบัน และบางธนาคารปรับขึ้นนั้น รองผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบได้ตามตารางเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมบัตรชิปการ์ดที่เว็บไซต์ของ ธปท. ที่ http://www.bot.or.th เพื่อหาธนาคารพาณิชย์ที่ให้เงื่อนไขที่ได้ประโยชน์สูงสุด ภายใต้ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมในการรับบริการทาง การเงิน ซึ่งการรักษาสิทธิของลูกค้า และการแข่งขันที่สูงขึ้นจะเป็นตัวกดดันให้บริการของธนาคารพาณิชย์ดีขึ้นในปัจจุบัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ณ วันที่ 10 มิ.ย.59 ธปท.ได้รายงานจำนวนบัตรเอทีเอ็ม และบัตรเดบิตที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยพบว่า ยอดล่าสุด ณ สิ้นเดือน เม.ย.59 มีจำนวนบัตรเอทีเอ็ม และบัตรเดบิตรวมกันทั้งสิ้น 59,953,461 ใบ แยกเป็นบัตรเอทีเอ็ม 12,910,826 ใบ และบัตรเดบิต 47,042,635 ใบ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องเปลี่ยนจากบัตรแถบแม่เหล็กเป็นบัตรชิปการ์ดภายในวันที่ 31 ธ.ค.62

นอกจากนั้น ธปท.ยังได้รายงานมูลค่าธุรกรรมการเงินผ่านการใช้บัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิต ในเดือน เม.ย. 59 ซึ่งพบว่า วัตถุประสงค์หลักในการใช้บัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตของคนไทยเกือบทั้งหมด ยังเป็นการกดเงินสด และการโอนเงินระหว่างธนาคาร โดยมีการใช้บัตรเดบิตในการรูดซื้อสินค้าและบริการที่จุดขายน้อยมาก โดยวงเงินที่ประชาชนกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มโดยใช้บัตรเอทีเอ็มในเดือน เม.ย.มีทั้งสิ้น 92,000 ล้านบาท แต่มีวงเงินในการใช้บัตรเดบิตกดเงินจากตู้เอทีเอ็มสูงถึง 526,000 ล้านบาท ขณะที่การใช้เอทีเอ็มและบัตรเดบิตเพื่อทำธุรกรรมอื่นๆ เช่น การโอนเงิน ในเดือน เม.ย.มียอดทำธุรกรรมผ่านบัตรเอทีเอ็ม 34,000 ล้านบาท และมียอดทำธุรกรรมผ่านบัตรเดบิต 340,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ยอดการรูดบัตรเดบิตในการซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นเป้าหมายของ ธปท.และรัฐบาลที่จะเข้าสู่ระบบการเงินดิจิตอลนั้น ยังถือว่าต่ำมาก โดยมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตในเดือน เม.ย.เพียง 12,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่มียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสูงถึง 113,000 ล้านบาท.

 

1 thought on “แบงก์ไม่เลิกขายพ่วงชิปการ์ด

Leave a comment