คุณค่าแห่งสมุนไพร สร้างรายได้เกษตรกรบ้านดงบังปราจีนบุรี ด้วยแปลงเกษตรอินทรีย์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05064010859&srcday=2016-08-01&search=no

วันที่ 01 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 628

สกู๊ปพิเศษ

ธัญวรัตน์ คงถาวร

คุณค่าแห่งสมุนไพร สร้างรายได้เกษตรกรบ้านดงบังปราจีนบุรี ด้วยแปลงเกษตรอินทรีย์

คุณสมัย คูณสุข อายุ 55 ปี บ้านเลขที่ 34 หมู่ที่ 6 บ้านดงบัง ตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรีเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรในแปลงอินทรีย์ เพื่ออบแห้งส่งขายให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศร

ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านบ้านดงบัง ทำอาชีพเกษตรกรรม ทำนาทำสวนเป็นหลัก ประมาณปี 2537 เริ่มปรับเปลี่ยนมาทำไม้ดอกไม้ประดับเริ่มต้นไปได้สวย รายได้มีขึ้นลงบ้างตามธรรมชาติของตลาด ต่อมาปี 2540 ไม้ดอกไม้ประดับราคาตกต่ำอย่างมาก ชาวบ้านจึงมองหาทางเลือกใหม่ ด้วยการปลูกพืชสมุนไพร เริ่มจากปลูกเพื่อเป็นรายได้เสริมส่งให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศร

คุณสมัย เริ่มมีความสนใจที่จะปลูกสมุนไพรจึงได้ไปสอบถามทางโรงพยาบาลอภัยภูเบศรซึ่งเป็นสถานที่ที่ผลิตยาสมุนไพรควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบันอยู่แล้ว มีการตกลงระหว่างกันว่าบ้านดงบังจะเป็นแหล่งผลิตสมุนไพรเพื่อป้อนให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศรมีการคุยกันและตกลงว่าจะซื้อจึงจะเริ่มปลูก

วัตถุดิบที่โรงพยาบาลต้องการในช่วงนั้นคือหญ้าปักกิ่ง เพราะฉะนั้นสมุนไพรตัวแรกที่ปลูกคือหญ้าปักกิ่ง โดยโรงพยาบาลอภัยภูเบศรได้นำพันธุ์มาให้ทดลองปลูก เมื่อปลูกสำเร็จมีความเจริญงอกงาม นำมาสู่การขยาย มีการปลูกสมุนไพรชนิดอื่นเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันปลูกสมุนไพรหลักที่ส่งให้กับทางโรงพยาบาลอภัยภูเบศร ทั้งสิ้น 15 ชนิดอาทิ หญ้าปักกิ่ง หญ้าหนวดแมว เพชรสังฆาต เสลดพังพอน ชุมเห็ดเทศ ขมิ้นชัน ใบชะพลู ทองพันชั่ง อัคคีทวาร เป็นต้น พื้นที่ปลูกกว่า 70 ไร่

คุณสมัยเล่าว่า ก่อนหน้านี้ชาวบ้านที่สนใจปลูกมีมากถึง 300 ราย แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 12 รายเท่านั้น เนื่องด้วยความซับซ้อนในการดูแลให้ถูกต้อง ซึ่งที่นี่เป็นแปลงเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมีหลักเกณฑ์มากมาย ชาวบ้านบางรายยังคงคุ้นชินกับการใช้สารเคมี ทำให้ไม่สามารถเป็นแปลงปลูกอินทรีย์ ทำต่อไม่ไหว ซึ่งผู้ปลูก 12 รายที่เหลือในปัจจุบันได้รับรองมาตรฐานเป็นแปลงเกษตรอินทรีย์แล้ว

บ้านดงบังได้รับมาตรฐานรับรองแปลงเกษตรอินทรีย์จากสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์หรือมกท. ซึ่งเน้นในเรื่องของความหลากหลายทางระบบนิเวศ ไม่ทำเกษตรเชิงเดี่ยว ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ใช้สารเคมี และทำตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ลักษณะแปลงปลูกเป็นการปลูกป่า 3 ระดับ ประกอบด้วยไม้สูง ไม้กลาง และไม้ล่าง เป็นการจัดการแปลงปลูกแบบองค์รวม เลียนแบบธรรมชาติ ซึ่งบ้านดงบังแห่งนี้เป็นพื้นที่ปลูกสมุนไพรพื้นที่แรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองเป็นเกษตรอินทรีย์ซึ่งหลังจากได้รับรองมาตรฐานแล้ว เพื่อให้มั่นใจในความสะอาดปลอดภัย จะมีการตรวจแปลงปลูกถึงปีละ3 ครั้ง โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจรับของมูลนิธิตรวจปีละ 2 ครั้ง และมกท.ตรวจอีกปีละครั้ง ทุกๆปี

สมุนไพรเด่นที่บ้านดงบังปลูกเป็นหลัก มีจำนวนการสั่งซื้อสูง และมีการผลิตอย่างต่อเนื่องทุกรอบการสั่งซื้อคือ ฟ้าทลายโจร หญ้าปักกิ่งและเพชรสังฆาต ซึ่งในการผลิตแต่ละครั้งจำนวนจะขึ้นอยู่กับออเดอร์ของโรงพยาบาลอภัยภูเบศร มีการวางแผนส่งขายสมุนไพรแต่ละชนิดภายในสมาชิกด้วยกัน โดยการแบ่งกันปลูกและส่งขายตามจำนวนสมาชิก เช่น เมื่อมีการส่งฟ้าทลายโจร 1,200 กิโลกรัม สมาชิกทั้ง 12 รายต้องรับผิดชอบผลิตด้วยกัน คือมีการผลิตเฉลี่ยรายละ 100 กิโลกรัมเพื่อส่งให้กับโรงพยาบาล เป็นวิธีการช่วยเหลือและแบ่งปันรายได้กันอย่างทั่วถึง

ส่วนวิธีการขยายพันธุ์ส่วนใหญ่ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำ เช่น ฟ้าทลายโจรจะใช้การเพาะเมล็ดแต่ส่วนมากแล้วเป็นการขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ มีข้อดีคือเติบโตเร็ว

ก่อนที่จะมีการปลูก ช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนของทุกปี ฝ่ายการตลาดของโรงพยาบาลจะประชุมวางแผนว่าในปีต่อไปโรงพยาบาลจะใช้สมุนไพรอะไรบ้าง จำนวนเท่าไร แล้วผู้ปลูกจะเริ่มการปลูกในช่วงปลายฝนต้นหนาวกระทั่งถึงเดือนธันวาคม ซึ่งจะเก็บเกี่ยวได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งนี้การเก็บเกี่ยวก็จะขึ้นอยู่กับอายุของสมุนไพรแต่ละชนิดด้วย เพื่อให้ได้คุณภาพและสารออกฤทธิ์ทางยาที่เป็นมาตรฐาน

วิธีการดูแล ให้ปุ๋ย

การทำเกษตรอินทรีย์ ปัจจัยที่ใช้ต้องปลอดสารเคมี ที่นี่ใช้ปุ๋ยคอกและปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพแทนซึ่งปุ๋ยคอกก็ต้องมีที่มาที่ไป หากจะใช้ขี้ไก่ ห้ามใช้ขี้ไก่กรงตับ เนื่องจากไก่ที่ถูกเลี้ยงลักษณะนี้จะมีความเครียด เมื่อถ่ายออกมาแล้วจะมีสารเคมีหลั่งออกมาด้วย

ศัตรูพืชของสมุนไพรไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากสมุนไพรที่ปลูกส่วนมากมีรสขม ซึ่งศัตรูพืชไม่ชอบอยู่แล้ว อีกทั้งการปลูกแบบหลากหลายทางระบบนิเวศ ธรรมชาติจะจัดการตัวเองอย่างเป็นระบบ มีนก มีตั๊กแตน มีกิ้งก่า มีหนู เป็นห่วงโซ่อาหารตามธรรมชาติ การจัดการแปลงปลูกส่วนมากเป็นเรื่องของการกำจัดวัชพืช

ให้น้ำบ่อย

เนื่องจากเป็นแปลงปลูกที่เลียนแบบธรรมชาติ จึงให้น้ำไม่บ่อยนัก คือให้ทุกเช้า วันเว้นวัน ช่วงฤดูฝนไม่ต้องรดน้ำ ให้ธรรมชาติจัดการด้วยตัวเอง โดยรวมแล้วการปลูกสมุนไพรปัญหาในเรื่องของความแคระแกร็นต่างๆจะน้อยหรือแทบไม่มีเลย มีก็ต่อเมื่อพืชบางชนิดไม่เหมาะกับบางฤดูกาล ทำให้การเติบโตมีปัญหาบ้าง

วิธีเก็บเกี่ยวผลผลิต

การเก็บผลผลิตจะเก็บตามอายุของสมุนไพรแต่ละชนิด เช่น ฟ้าทลายโจรจะมีอายุการเก็บเกี่ยวอยู่ที่ 2-3 เดือน ในแต่ละรอบการผลิตจะปลูกสมุนไพรแต่ละชนิดไม่เท่ากัน เนื่องจากจะขึ้นอยู่กับออเดอร์ของโรงพยาบาล

บ้านดงบังแห่งนี้ถือเป็นส่วนผลิตวัตถุดิบให้กับโรงพยาบาลคือมีพื้นที่ปลูก มีโรงล้างและโรงหั่น ซึ่งแปรรูปออกมาเป็นวัตถุดิบชิ้นแห้ง ส่งให้กับโรงพยาบาล

ขั้นตอนคือเมื่อเก็บสมุนไพรจากแปลงแล้ว จะมาคัดสิ่งปนเปื้อน ส่วนที่ไม่ต้องการทิ้งจากนั้นนำไปล้างน้ำสะอาด 3 ครั้ง ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ นำมาหั่น เข้าโรงตาก ตากให้แห้ง 80%แล้วนำเข้าเตาอบด้วยอุณหภูมิ 60 องศา นาน 2 ชั่วโมงก่อนจะบรรจุถุงเตรียมส่งขาย

สมุนไพรชิ้นแห้งที่ส่งขายราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 150,000 บาท เป็นราคาสมุนไพรออร์แกนิก ซึ่งราคาสมุนไพรจะมีอยู่ 3 ระดับ คือ ราคาทั่วไป ราคาปรับเปลี่ยนและราคาออร์แกนิก เปรียบเทียบราคาคือ เมื่อส่งขายฟ้าทลายโจรทั่วไปราคาจะอยู่ที่ 50 บาท ต่อกิโลกรัม หากอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนเป็นแปลงเกษตรอินทรีย์ราคาจะอยู่ที่ 100 บาท ต่อกิโลกรัม และเมื่อได้รับการรับรองเป็นเกษตรอินทรีย์แล้วราคาจะสูงถึง 150 บาท ต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว สำหรับสมุนไพรที่แพงที่สุดของสวนบ้านดงบังคือ หญ้าปักกิ่ง ราคาตันละ 850,000 บาท ในเวลา 1ปี เกษตรกรจะส่งสมุนไพรขายให้โรงพยาบาล รายได้ 30,000-40,000 บาทต่อครอบครัว ก่อนหน้านี้ชาวบ้านปลูกสมุนไพรเป็นรายได้เสริม แต่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นรายได้หลักของแต่ละครอบครัวไปแล้ว

“สำหรับผู้ที่มีความสนใจอยากปลูกสมุนไพรขาย สิ่งสำคัญอยู่ที่การตลาด เกษตรกรปัจจุบันทำการตลาดไม่เป็น ควรมีการพูดคุยกัน ตกลงกันกับผู้ซื้อ วางระบบให้เห็นเป็นรูปธรรม ผู้ปลูกต้องมีใจด้วย เพราะการปลูกสมุนไพรมีระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวที่ต่างกันแต่ละชนิด มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ”บ้านดงบังนอกจากจะเป็นพื้นที่ปลูกสมุนไพรส่งขายให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศรแล้ว ปัจจุบันที่นี่ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่มีเกษตรกรเข้ามาดูงาน ทั้งในพื้นที่นอกพื้นที่หรือกลุ่มเกษตรกรในอาเซียนด้วย และมีกล้าพันธุ์สมุนไพรจำหน่าย

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณสมัย คูณสุข ประธานที่ปรึกษากลุ่มสมุนไพรบ้านดงบัง เบอร์โทรศัพท์ (087) 087-5039

Leave a comment