ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/agricultural/366236
สทนช.พร้อมยกระดับคุณภาพน้ำ ลดความเหลื่อมล้ำ
สทนช.พร้อมยกระดับคุณภาพน้ำ ลดความเหลื่อมล้ำ
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช.เตรียมจัดงาน วันน้ำโลก (World Water Day) ในวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2562 นี้ โดยจัดกิจกรรมด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรน้ำ ภายใต้ Theme ที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนด คือ “Leaving no one behind” หรือ “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ โดยช่วยกันดูแล บำรุงรักษา และการพัฒนาแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน สทนช.ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบดูแลทรัพยากรน้ำของประเทศ จึงได้จัดงานวันน้ำโลกขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ที่เห็นชอบให้สัปดาห์ที่ตรงกับวันที่ 22 มีนาคมของทุกปี เป็นสัปดาห์อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำแห่งชาติด้วย
ทั้งนี้ น้ำเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ทั้งในด้านการอุปโภค บริโภค และการประกอบอาชีพ ในอดีตน้ำมีความอุดมสมบูรณ์ทั้งปริมาณและคุณภาพ แต่ปัจจุบันมนุษย์กำลังเผชิญกับวิกฤติด้านน้ำ โดยเฉพาะประเทศไทย จากรายงานของ Global Climate Risk Index 2018 ระบุว่า ไทยติดอันดับ 9 ของโลก ที่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างรุนแรง โดยมีสาเหตุสำคัญจากหลายประการ เช่น การเพิ่มขึ้นของประชากร กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ได้ก่อให้เกิดปัญหาและส่งผลกระทบตามมา เป็นต้น ขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดแหล่งมลพิษใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำจึงอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่อาจจะไม่สามารถรองรับความจำเป็นขั้นพื้นฐานอย่างเพียงพอในอนาคตได้
“การเตรียมความพร้อมของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในอนาคต เป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อรองรับความต้องการน้ำที่เพิ่มขึ้น และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง อันจะก่อให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำตามมา การจัดงานวันน้ำโลกในปีนี้ จึงมุ่งเน้นไปที่การรณรงค์ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญ และร่วมมือกันอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้มั่นคงอย่างยั่งยืนตลอดไป” เลขาธิการ สทนช. กล่าว
สำหรับประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่มีทรัพยากรน้ำอย่างเพียงพอ มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,374 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 990 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็ได้กำหนดเป้าหมายการจัดการน้ำอุปโภคบริโภคให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) เป้าหมายที่ 6 ที่กำหนดไว้ว่า “ทุกคนเข้าถึงน้ำดื่มที่ปลอดภัยและราคาที่สามารถซื้อหาได้ภายใน ปี 2573 โดยจะมุ่งเน้นในด้านการจัดหาน้ำสะอาดเพื่ออุปโภคบริโภคให้ครบทุกหมู่บ้าน ชุมชนเมือง แหล่งท่องเที่ยว และเขตพื้นที่เศรษฐกิจ รวมทั้งด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและจัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่ขาดแคลนน้ำ การพัฒนาน้ำดื่มให้ได้มาตรฐานและราคาที่เหมาะสม
เลขาธิการ สทนช. กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันยังมีคนไทยส่วนใหญ่บางส่วนก็ยังไม่เข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาด โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสและกลุ่มคนชายขอบ เช่น กลุ่มชนพื้นเมืองของไทย ดังนั้น การดำเนินการตาม Theme หลัก “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ของการจัดงานวันน้ำโลกในปีนี้นั้น สทนช.จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการและดำเนินการตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี แผนแม่บทด้านที่ 1 การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการให้บริการน้ำดื่ม โดยมุ่งเน้นไปยังกลุ่มคนที่มีความต้องการมากที่สุด เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในทุกพื้นที่ของประเทศ นอกจากนั้น ในแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำดังกล่าว ยังระบุให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการความต้องการใช้น้ำทุกกิจกรรมให้สมดุลกับน้ำต้นทุน ลดความสูญเสียน้ำ และเพิ่มมูลค่าน้ำ ลดน้ำเสียที่แหล่งกำเนิด พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพระบบบำบัดน้ำเสีย จัดสรรน้ำต้นทุนเพื่อการใช้น้ำขั้นพื้นฐานและรักษาระบบนิเวศ การพื้นฟูป่าต้นน้ำ รวมทั้งจัดหาแหล่งน้ำต้นทุนสำรองสำหรับการผลิตน้ำประปาและระบบกระจายน้ำเพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม โดยมีแผนการดำเนินการทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และมีจุดมุ่งหมายหลักคือ การสร้างความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน ด้านน้ำของประเทศ

