#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
https://www.posttoday.com/dhamma/647813
วันที่ 14 มี.ค. 2564 เวลา 09:35 น.
โดย อุทัย มณี
*********************************
คนวัยกลางคนอย่างผู้เขียน..ส่วนใหญ่ “มักทบทวนเส้นทางเดินชีวิต” และ “ชอบอยู่ในสังคมที่ไม่พลุกพร่าน” อยู่เสมอ ๆ หากคิดแบบพระก็คือ เริ่มเห็น “ฝั่งริบหรี่” บ้างแล้ว
ชีวิตวัยนี้มักไม่มีความสุขกับปัจจุบัน.. และหันไปมีความสุขกับสิ่งที่..ผ่านมาแล้ว
จึงไม่แปลกคนวัยนี้ในเมืองส่วนใหญ่จึงเบื่อหน่าย “งานประจำ” อยากไปใช้ชีวิตในชนบท ทำเกษตร โดยเฉพาะตอนนี้กำลังบูมและฟีเวอร์เอาการ คือ “โคก หนอง นาโมเดล” ของอธิบดี “เก่ง” อธิบดีเศรษฐีหมื่นล้าน คุณสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ที่จับอะไร ประชาสัมพันธ์อะไรมัก “ดูดีไปหมด”

ตอนนี้คนเมือง คนออฟฟิต “คลั่งใคล้” โคก หนอง นาโมเดล ทั่วบ้านทั่วเมือง #ไม่เว้น..แม้กระทั้ง พระสงฆ์องค์เจ้า หันมาสนใจ หันมาให้ความสำคัญกับ “ความมั่นคงทางอาหาร” หันมาสนใจกับ “วิถีชีวิต” แบบเกื้อกูลของสังคมไทย ดั่งในอดีต
บางทีก็คิดในใจทำไม?? กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่มี “มือพีอาร์” หรือไร ได้งบเงินกู้ไปตั้ง 9 พันกว่าล้านเพื่อทำเกษตรทฤษฎีใหม่ แต่เงียบวังเวงชอบกล..สู้ “โคก หนอง นาโมเดล” ไม่ได้
เดียวนี้ประชาชน พระสงฆ์ หันมาสนใจ เกษตรทฤษฎีใหม่สู่ “โคก หนอง นาโมเดล” ทั่วบ้านทั่วเมือง ผู้เขียนเป็นหนึ่งในนั่น สมัครเข้าร่วมโครงการโคก หนอง นาโมเดล เอาไว้ที่จังหวัดกาญจนบุรี
ผ่านอบรมมาแล้วรอบหนึ่งที่ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรี กรมการพัฒนาชุมชน 5 วัน 4 คืน ตามที่เคยเล่ามาก่อนหน้านี้
เมื่อไปกี่วันที่ผ่านมา พัฒนาชุมชนจังหวัดกาญจนบุรี ประสานมาให้ไป “อบรบรอบสอง”เนื่องจาก งบประมาณคนละตัว ปู่ย่า ตายาย เคยสอนเอาไว้ว่า “เวลาคุยกับคนราชการ อย่าเถียง อย่าถามเยอะ” สรุปคือ ไปก็ไป ถือว่าไป “ทบทวนความรู้” และเป็น “ถิ่นเก่า”
- สุทธิพงษ์คลี่ปมสงสัยทุจริตโคก หนอง นา โมเดลที่มหาสารคาม
- พช.ปั้นนักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน

แต่..บอกกับคนพัฒนาชุมชนจังหวัดกาญจนบุรีขอไปในฐานะ “ผู้สังเกตการณ์” เหตุผลส่วนตัวไม่ได้บอกต่อ คือ จะให้เต้น รำ ร้องเพลง สนุกสนาน ไม่ค่อยเป็น ไม่อยากเป็น “กาในฝูงหงส์” เพราะเราเป็นอดีตนักบวช กิจกรรมแบบนี้ไม่เป็น จริง ๆ
จึงประสานกับ “เจ้าคุณศิริ” รองเจ้าคณะอำเภอเมืองกาญจนบุรี ขออาศัยวัดที่ใกล้อบรมสัก 2 -3 คืน พระคุณเจ้าเมตตาประสานให้นอน “วัดเขื่อนท่าทุ่งนาประชาสรรค์” ของ “หลวงปู่แก่น” อดีตพระเกจิชื่อดังในถิ่นนั้น
เมื่อไปถึงทางวัดเตรียมที่นอนให้อย่างดี แต่วัดค่อนข้างเงียบเหงา ถามพระในวัด ท่านบอกว่า “ตอนนี้ทั้งวัดมีพระภิกษุ- สามเณรประมาณ 5 รูป” พระบวชจำพรรษาน้อย ส่วนใหญ่บวชระยะสั้นแล้วก็สึกออกไป
ปัญหานี้ “กลายเป็นวิกฤติอย่างหนึ่ง” ของคณะสงฆ์ จากสถิติ “วัดเพิ่มขึ้น..และจำนวนพระจำพรรษากลับน้อยลง”
ส่วนสามเณรไม่ต้องพูดถึง วัดชนบทต่างจังหวัดทุกวันนี้แทบ “สูญพันธุ์”
ระหว่างวันที่ 11 -15 มีนาคม 64 นี้ จึงเข้าคอร์สอบรม “โคก หนอง นาโมเดล” ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ KSL ริเวอร์แควร์ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
ที่นี้บรรยากาศไม่เหมือนกับศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรี ดูวังเวง ไม่มีชีวิตชีวาเท่าไร เพราะที่นี้มันคือ รีสอร์ท แต่ส่วนหนึ่งเขาแบ่งเป็น “ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ” เอาไว้ ติดกับแม่น้ำแควใหญ่ อยู่เหนือเขื่อนท่าทุ่งนา
สถานที่แล้ง ๆ ร้าง ๆ ถามเจ้าหน้าที่บอกว่ารีสอร์ทนี้อยู่ใน “เครือข่ายโรงงานน้ำตาล KSL” ที่ตั้งอยู่ที่ตัวอำเภอท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
เริ่มภาคเช้าเปิดอบรมโดย คุณรัชนี โพธิสัตยา พัฒนาการจังหวัดกาญจนบุรี และต่อด้วย “ปราชญ์ชุมชน” ชื่อ “แรม” ซึ่งคนนี้เท่าที่ฟังเป็นปราชญ์จริง ๆ รู้เรื่องวิธีปลูกพืชผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ เลี้ยววัว
วิธีสังเกต เล่าศาสตร์ของพระราชาเริ่มต้นด้วย “เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา” ทฤษฎี 40 ทฤษฎี ย่อยลงมาวิธีการทำโคก หนอง นา วิธีแบ่งแปลงทำ รวมทั้งสอนวิธีการตลาดไปในตัวด้วย
สุดท้าย ผู้เขียน “ความดันขึ้น” เพราะที่นี้อากาศร้อนอบอ้าว ปวดหัวจะวูบ จนพักเที่ยง จึงหลบออกมาเงียบ ๆ กลับวัด ทานยา หาข้าวกิน !!