#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
https://www.komchadluek.net/news/480726
27 ส.ค. 2564

หากต้องกลับไปสู่การเรียนออนไลน์ ศธ.จะรับมืออย่างไร ไม่ให้เกิด “ความเหลื่อมล้ำ” ในเด็กด้อยโอกาสที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกสาม ที่ส่งผลต่อการศึกษาของเด็กไทยว่า ประเทศไทยเผชิญหน้ากับการออกอาละวาดของโควิด-19 มาแล้วหลายครั้ง
“ทุกครั้งเราแก้ปัญหาด้วยการปิดโรงเรียนหรือปิดสถานศึกษาให้ เด็กนักเรียนเรียนออนไลน์” ศ.ดร.กนก กล่าว
และแนวโน้มก็คงจะใช้วิธีปิดสถานศึกษา และให้เด็กนักเรียนเรียนออนไลน์นี้อีก หากยังควบคุมไม่อยู่
คำถามคือกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ได้แก้ปัญหาที่มีเสียงสะท้อนผ่านทั้งนักเรียน นักศึกษา และอาจารย์ เกี่ยวกับการเรียนออนไลน์หรือยัง
โดยเฉพาะปัญหาความเหลื่อมล้ำในเด็กที่เข้าไม่ถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และอินเทอร์เน็ต ที่เป็นเครื่องมือหลักในการเรียนออนไลน์
“ผมคิดว่ากระทรวงศึกษาธิการ ควรออกมาแถลงความชัดเจนเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อม รวมถึงแนวทางแก้ปัญหา หากต้องกลับไปสู่การเรียนออนไลน์ ว่าจะรับมืออย่างไร ไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในเด็กที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี
จะมีการจัดชั้นเรียนพิเศษเพื่อช่วยเด็กที่ไม่สามารถเรียนออนไลน์อย่างไร ที่สำคัญคือ การปิดโรงเรียน อาจส่งผลทางอ้อมที่ทำให้เด็กด้อยโอกาส ถูกกดดันให้ไปใช้แรงงานแทนการเรียน จนหลุดออกจากระบบการศึกษาเพิ่มขึ้น เป็นเรื่องที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการต้องทำการบ้านเพิ่มเติมในเรี่องนี้ด้วย” ศ.ดร.กนก กล่าว
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 ยูนิเซฟ ได้ออกแถลงการณ์ ห่วงเด็กได้รับผลกระทบจากการปิดโรงเรียนเพราะพิษโควิด-19 โดยให้ข้อมูลว่านักเรียน 1 ใน 3 เรียนทางไกลไม่ได้ เสี่ยงถูกทำร้าย และหลุดจากระบบการศึกษาเพิ่มขึ้น ซึ่งจากสถิติล่าสุดพบเด็กทั่วโลกออกจากระบบการศึกษาเพิ่มถึง 24 ล้านคน และเสนอว่าการปิดโรงเรียนควรเป็นทางเลือกสุดท้าย