#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/likesara/659364

วันศุกร์ ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2565, 09.27 น.
หญิงชาวอเมริกันคนหนึ่ง ที่คนไทยตั้งชื่อให้ว่า “สุนทรี” เคยกล่าวไว้ว่า คนไทยนั้นเป็นคนที่โชคดีถึงไม่มีอาชีพที่มั่นคง ไม่มีหน้าที่การงานที่แน่นอนก็มีอาหารกินไม่เคยขาด เธอเห็นผืนดินที่จังหวัดสุพรรณบุรีปลูกต้นไม้อะไรก็ขึ้นหมด มีผักเก็บให้กินตามรั้วบ้าน ในแม่น้ำก็มีคนลงเรือเพื่อเอาแหลงจับปลาในน้ำ
สุนทรี ยังเล่าอีกว่า ที่สหรัฐอเมริกานั้น ถ้าไม่มีอาชีพ ไม่มีงาน ก็คือไม่มีเงินซื้ออาหารกิน เพราะเงินเป็นที่มาของทุกอย่าง มีเงินก่อนจึงจะมีอาหารตามมา
มุมมองของหญิงชาวอเมริกันนั่นน่าสนใจ เธอเป็นคนที่มีอะไรผูกพันกับเมืองไทย ครั้งหนึ่งเธอมาเที่ยวเมืองไทย จังหวะปี 2552 สุนทรีไปเที่ยวที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิพอดีกับจังหวะที่มีกลุ่มคนประท้วง และ เธอก็อยู่ในเหตุการณ์เฉียดโดนลูกระเบิดของกลุ่มที่ก่อความไม่สงบทางการเมืองในปีนั้น แต่เธอก็กลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกเรื่อยๆ จนได้รับชื่อไทยที่เรียกกันเองว่า “สุนทรี”
เสน่ห์ของเมืองไทยนั้นอยู่ที่ความอุดมสมบูรณ์ของ “อาหาร” ถ้ารู้จักพืชพรรณไม้ เดินไปริมรั้วแต่ละบ้านก็พอมีผักที่ทานได้เกือบทุกบ้าน แม้กระทั่งในกรุงเทพมหานคร ซึ่งตอนนี้กระแสของ “เกษตรในเมือง” ทำให้พื้นที่บางส่วนของคอนโดมิเนียม และพื้นที่ว่างเปล่าในกรุงเทพมหานครหลายแห่ง มีพืชผักสวนครัวปลูกกันให้ชมมากขึ้น
.jpg)
“วิรัลพัชร ประเสริฐศักดิ์” นักวิจัย ศูนย์วิจัย ดิเรก ชัยนาม คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เขียนถึงแนวคิดและคำนิยมของความมั่นคงทางอาหาร (Food security: Concepts and definitions) ไว้ตอนหนึ่งซึ่งน่าสนใจ ดังนี้
ความมั่นคงทางอาหารเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากนานาประเทศเป็นอย่างมากในช่วง กลางทศวรรษที่ 1970 เนื่องจากสภาวะขาดแคลนอาหารของโลก แต่ในขณะนั้นจุดมุ่งหมายของ การแก้ปัญหามุ่งให้ความสำคัญแก่ประเด็นที่ว่า จะผลิตอาหารเพียงพอต่อผู้บริโภคได้อย่างไร แนวคิดความมั่นคงทางอาหารจึงจำกัดอยู่ในกรอบของ กระบวนการผลิต กล่าวคือ การผลิตอาหารให้ ได้มากเพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภคในราคาที่มีเสถียรภาพเป็นสำคัญ
ดังนั้น หลายประเทศจึง ได้นำแนวคิด การปฏิวัติเขียว (Green Revolution) หรือการทำเกษตรแผนใหม่ เข้ามาปรับใช้กับการพัฒนาด้านเกษตรทำให้มีการเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตจากการเกษตรแบบยังชีพไปเป็นการทำเกษตรเพื่ออุตสาหกรรม เพื่อให้มีปริมาณอาหารเพียงพอกับประชากรโลก ทั้งนี้ การปฏิวัติเขียวได้นำความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการใช้พันธุ์พืชใหม่ที่ให้ผลผลิตสูง (New crop cultivars) การชลประทาน (Irrigation) เพื่อให้ปลูกพืชได้ในฤดูแล้งหรือสามารถผลิตได้ในทุกช่วงเวลาและมีผลผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้สารเคมีทางการเกษตรจำพวกปุ๋ยเคมี (Fertilizer) สารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Pesticide) และการใช้เครื่องจักรกล การเกษตร (Mechanization) มาช่วยในการผลิตสินค้าเกษตรให้ได้ในปริมาณมาก
บุคคลสำคัญที่มีบทบาทเด่นต่อแนวคิดการปฏิวัติเขียว คือ Norman Borlaug แนวคิดของเขา ได้เปลี่ยนโฉมการเกษตรสู่การเพาะปลูกให้ได้ผลผลิตสูง รวมทั้งสร้างนวัตกรรมที่ช่วยผลิตอาหารให้แก่ โลกได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าระหว่างปี ค.ศ.1960 – 1990 ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้ให้เครดิตแก่การปฎิวัติ เขียวของบอร์ลอกว่า “การปฏิวัติเขียวช่วยเบนเข็มความอดอยากของโลกในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 และช่วยชีวิตผู้คนซึ่งอาจจะมากถึงพันล้านคนไว้”

นอร์แมน บอร์ลอกได้ตั้งศูนย์ปรับปรุงข้าวโพด และ ข้าวสาลีนานาชาติ (International Maize and Wheat Improvement Center) ในเม็กซิโกขึ้นใน ปี ค.ศ. 1964 และได้ใช้เวลากว่า 10 ปีในการพัฒนาข้าวสาลีหลากหลายสายพันธุ์ ที่มีความต้านทาน โรค และให้ผลผลิตมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม หลังจากนั้นเขาได้นำข้าวสาลีเหล่านั้น พร้อมด้วยข้าวเจ้า และข้าวโพดที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์คล้ายๆ กันมายังเอเชีย ตะวันออกกลาง อเมริกาใต้และแอฟริกา โดยมีปากีสถานและอินเดียที่ได้ประโยชน์จากเมล็ดพันธุ์สายพันธุ์ใหม่มากที่สุด ทำให้มีผลผลิตเพิ่มมาก ขึ้นถึง 4 เท่า ผลงานด้านการปฏิวัติเขียวที่ช่วยผลิตอาหารให้เพียงพอต่อประชากรโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ได้กลายเป็นผลงานโดนเด่น ที่ทำให้นอร์แมน บอร์ลอกได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี ค.ศ.1970 และเขาได้กล่าวถึงความสำคัญของการมีอาหารที่เพียงพอไว้ว่า
“We must recognize the fact that adequate food is only the first requisite for life. For a decent and humane life we must also provide an opportunity for good education, remunerative employment, comfortable housing, good clothing, and effective and compassionate medical care.”
แม้ว่านอร์แมน บอร์ลอกจะยอมรับถึงความสำเร็จของการปฏิวัติเขียวที่ช่วยให้ ประชากรหลายร้อยล้านคนมีอาหารเพียงพอ แต่เขาก็ได้ตระหนักถึงหัวใจสำคัญของการแก้ปัญหา ความยากจนว่า คือการลดความอดอยากและหิวโหยซึ่งยังคงเป็นปัญหาที่ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นอร์แมน บอร์ลอกได้กล่าวไว้ระหว่างการรับรางวัลโนเบลในปี ค.ศ. 1970 ว่า แม้ว่าการปฏิวัติ เขียวจะช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิตแต่ก็มีผลกระทบที่เกิดขึ้นหลายประการจากการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่า แมลงและการพุ่งเป้าไปที่การเพิ่มผลผลิตในพืชเพียงไม่กี่ชนิดที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ ทั้งที่จริงแล้วเป้าหมายสำคัญควรมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คน นอกจากนั้นเขา ยังสนับสนุนให้รัฐบาลประเทศต่างๆ กำหนดนโนบายที่เป็นประโยชน์เชิงเศรษฐกิจต่อเกษตรกร และ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้เกษตรกรเข้าถึงตลาดได้ และสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมของโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกได้ด้วย

นักวิจัยของศูนย์วิจัย ดิเรก ชัยนาม ยังระบุว่า องค์การอาหารและ เกษตรแห่งสหประชาชาติ(FAO) ได้แบ่งความหมายด้านความมั่นคงออกเป็น 4 มิติคือ
1.ความพอเพียง (Availability) ของปริมาณอาหาร ที่อาจได้มาจากการผลิตภายในประเทศ หรือการนำเข้า รวมถึงความช่วยเหลือด้านอาหาร
2.การเข้าถึง (Access) ทรัพยากรที่พอเพียงของบุคคลเพื่อได้มาซึ่งอาหารที่เหมาะสมและมี โภชนาการ ทรัพยากรดังกล่าวหมายถึง ความสามารถของบุคคลที่จะกำหนดควบคุมกลุ่มสินค้าหนึ่งๆ ได้ภายใต้บริบททางกฎหมาย การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของชุมชนที่บุคคลอาศัยอยู่ (รวมถึงสิทธิ ตามประเพณีเช่น การเข้าถึงทรัพยากรส่วนรวมของชุมชน)
3.การใช้ประโยชน์ (Utilization) ด้านอาหารผ่านอาหารที่เพียงพอ น้ำสะอาดและกา รรักษา สุขภาพและสุขอนามัยเพื่อที่จะเข้าถึงภาวะความเป็นอยู่ที่ดีทางโภชนาการ ซึ่งความต้องการทาง กายภาพทั้งหมดได้รับการตอบสนอง โดยนัยยะนี้ความมั่นคงทางอาหาร จึงสัมพันธ์กับปัจจัยนำเข้าที่ ไม่ใช่อาหารด้วย และมิติสุดท้ายคือ
4.เสถียรภาพ (Stability) ทางอาหาร ที่ประชาชน ครัวเรือนและบุคคลจะต้องเข้าถึงอาหารที่เพียงพอตลอดเวลาไม่ต้องเสี่ยงกับการไม่สามารถเข้าถึงอาหารอันเป็นผลมาจากวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่าง กระทันหัน เช่น วิกฤตทางเศรษฐกิจหรือสภาพภูมิอากาศ หรือเหตุการณ์ที่เป็นไปตามวงจร เช่น ภาวะ ความไม่มั่นคงทางอาหารตามฤดูกาล ซึ่งในความหมายนี้ความมั่นคงทางอาหาร ครอบคลุมถึงมิติความ พอเพียงและการเข้าถึงอาหารด้วย
ที่ผ่านมา วิกฤตโควิด-19 มีข้อดีคือ ทำให้คนเมืองตระหนักถึงอาชีพเกษตรกรรมว่ามีความสำคัญ และหันมาทำการปลูกผักในเมืองกันมากขึ้น ซึ่งการปลูกผักทานเองของคนเมือง ทำให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร การเข้าถึงผักปลอดสารพิษในราคาที่ปลูกทานเอง โดยไม่ต้องเสียเงินไปซื้อทุกอย่างเหมือนในอดีต และ เห็นคุณค่าการของการปลูกผัก แม้จะปลูกไว้ทานกันเองในครอบครัว แต่นี่คือมิติแห่งความสุขที่คนเมืองได้รับหลังเกิดวิกฤตโควิด-19 – 003



