ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/561494
โดย คุณนิติ นวรัตน์ 13 ม.ค. 2559 05:01

มกราคม 2559 เพียงเดือนเดียว ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ รับงานบรรยายที่สงขลา ยะลา และปัตตานี ถึง 5 แห่ง
พฤหัสบดีพรุ่งนี้ 09.00-12.00 น. บรรยายรับใช้ ข้าราชการที่เพิ่งได้รับการบรรจุแต่งตั้งโยกย้ายมาทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 220 คน ที่โรงแรมไดอิชิ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
13.30-16.00 น. พูดให้ครู นักเรียน และผู้ปกครองฟัง ที่โรงเรียนดรุณศาสน์วิทยา อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ท่านผู้ใดสนใจจะเข้าฟัง เชิญครับ
ส่วนผมยังเขียนรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพถึงเรื่องละตินอเมริกา ว่าในประเทศอย่างนิคารากัว กัวเตมาลา และฮอนดูรัส ผู้คนกลายเป็นเกษตรกรทำงานปลูกกล้วยหอมในแผ่นดินขนาดใหญ่ของบริษัทยูไนเต็ดฟรุตส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน
ปลูกกล้วยหอมให้บริษัทอเมริกันจนประเทศพวกนี้ได้รับสมญา–นามว่า เดอะ บานานา รีพับลิคส์ หรือสาธารณรัฐกล้วย และเมื่อวาน ผมก็รับใช้ถึงสถานการณ์ในประเทศไทยที่ตอนนี้คนจีนเข้ามาตั้งบริษัทกว้านซื้อที่ดินปลูกพืชผักและผลไม้เพื่อส่งกลับไปขายในประเทศจีน
เดิม ที่ดินเป็นของคนไทย คนไทยปลูกพืชผักผลไม้ และขายผลผลิตให้กับบริษัทจีน เพื่อบริษัทจีนเอาไปขายต่อในประเทศจีน
ปัจจุบัน ที่ดินเริ่มเป็นของคนจีน คนจีนจ้างคนไทยเป็นกรรมกรทำงานในสวนของคนจีนที่ตั้งอยู่ในแผ่นดินไทย ผลิตพืชผักผลไม้ให้บริษัทจีนเอากลับไปขายให้คนจีนกินในประเทศจีน
ที่ผมกลัวที่สุดก็คือ ต่อไปในอนาคต คนไทยจะเหมือนกับคนในละตินอเมริกาที่มีที่ดินขนาดเล็กมาก ไม่พอต่อการเลี้ยงครอบครัว บางคนที่ขายที่ดินไปหมดแล้ว ก็ต้องหันมาขายแรงงานให้อุตสาหกรรมเกษตรของต่างชาติ
พอถึงจุดที่ต้องขายแรงงานนะครับ ระบบครอบครัวและสังคมดั้งเดิมก็จะถูกทำลายลง คุณภาพชีวิตก็จะลดถดหายไปเรื่อยๆ จนหันกลับ ไปสู่สังคมแบบที่มีความสุขเหมือนบรรพบุรุษในอดีตไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ผมอยากให้ราชการไทยลองส่งคนไปดูความล่มสลายของสังคมตามหมู่บ้านต่างๆที่อยู่ในชนบทของกัวเตมาลา เม็กซิโกตอนใต้ เขตเทือกเขาแอนดิส ป่าลุ่มน้ำแอมะซอน ฯลฯ เพื่อเอามาใช้ป้องกันความล่มสลายของสังคมไทย ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแรงและเร็วอยู่ในปัจจุบันทุกวันนี้
เอลซัลวาดอร์ซึ่งเป็นสาธารณรัฐในละตินอเมริกาที่มีพรมแดนติดกับกัวเตมาลาและฮอนดูรัส ที่ดินเกือบทั้งประเทศเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินเพียง 15 ตระกูล
เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ 15 ตระกูลเท่านั้นที่เป็นเจ้าของประเทศ ที่เหลือเป็นคนยากคนจนที่ต้องเร่ร่อนของานทำในที่ดินของคน 15 ตระกูลที่ว่า ทำให้เกิดความคับแค้นแน่นใจอย่างสูง จนเกิดกบฏชาวนา ผลจากการสู้รบระหว่างคนรวยกับคนจน ทำให้คนจนร้อยละ 2 ของประเทศต้องตาย ในความขัดแย้งนี้ อเมริกาเข้าข้างคนรวยเพราะบริษัทของคนรวยเจ้าของที่ดินเหล่านี้ ใช้แรงงานคนจนผลิตสินค้าเกษตรและส่งเข้าไปขายให้คนอเมริกากิน
การจัดสรรทรัพยากรที่ดินทำกินในละตินอเมริกาทำกันอย่างแย่ที่สุด สุดท้ายก็เกิดขบวนการมากมายหลายกลุ่มที่ทั้งปฏิบัติการเพื่อขอให้มีการปฏิรูป ทั้งปฏิบัติการรุนแรงต่อคนรวยเจ้าของที่ดิน เช่น กลุ่มซาปาติสต้า ในรัฐเชียปัสของเม็กซิโกตอนใต้ หรือขบวนการตูปัก อะมารู ในประเทศเปรู
ผมเข้าไปดูเว็บไซต์ Oddity Central เมื่อ 23 ธันวาคม 2558 ก็เห็นว่า ที่ชานกรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู มีการสร้างกำแพงยาวกว่า 10 กิโลเมตร กั้นไม่ให้คนจนเข้าไปปนเปกับคนรวย ฝั่งคนรวยเรียกว่า ลาส คาซัวรินาส์ ส่วนฝั่งคนจนเรียกว่า วิสต้า เฮอร์โมซา
ฝั่งคนรวยนั้น ราคาบ้านหลังละหลายสิบล้านบาท แต่ฝั่งคนจนนั้น ไม่มีแม้แต่ไฟฟ้า และต้องอาศัยแสงสว่างจากแสงเทียน
รัฐบาลบางประเทศในปัจจุบันทุกวันนี้ ไปเชิญคนรวยมาเป็นประธานโครงการพัฒนาต่างๆของประเทศ คนรวยจำนวนไม่น้อยที่เห็นแก่ธุรกิจของตนเอง สร้างโครงการอะไรมาแต่ละอย่าง ถ้ามองเผินๆ ก็เหมือนกับว่าเป็นโครงการช่วยคนจน
แต่ถ้ามองอย่างพินิจพิจารณาละเอียดรอบคอบ เฮ้ย สุดท้ายงบประมาณเป็นหมื่นล้านบาทที่รัฐบาลโยนลงไป มันกลับไปอยู่ในบริษัทของคนรวยนี่นา
มาช่วยกันภาวนาว่าอย่าให้คนรุ่นต่อไปของไทยต้องสร้างกำแพง ยาวเป็นสิบกิโลเมตรกั้นคนรวยกับคนจนในกรุงเทพมหานคร เหมือนกับที่กรุงลิมาของเปรูเลยครับ.
คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand