ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/561005
โดย สะ-เล-เต 12 ม.ค. 2559 05:01

ในสายตาเกษตรกรไทย แม้ผลงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะไม่เป็นที่ประทับใจสักเท่าไร…แต่ในอีกมุม องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กลับชื่นชม พร้อมให้โล่รางวัล
“เอดวาร์ด ซาวมา” จากผลงานควบคุมการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังสีชมพู
ไม่ใช่ได้มาเพราะแค่สามารถหยุดการระบาดได้เฉพาะในประเทศเท่านั้น ยังได้ในฐานะที่สามารถต่อขยายความร่วมมือถ่ายทอดเทคโนโลยีการระบาดของเพลี้ยแป้งสีชมพูไปยังประเทศลุ่มน้ำโขง ทั้งลาว กัมพูชา เมียนมา รวมถึงจีน
และสิ่งที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญของ FAO ต้อง งง-อึ้ง-ทึ่ง จนต้องยกรางวัลให้นั่นคือ ความสามารถในการแก้ปัญหาได้รวดเร็ว จากที่ระบาดสร้างปัญหาไปนับล้านไร่ ลดลงมาเหลือเพียงหลักพันไร่ได้ในเวลาแค่เพียง 3 ปี (2553-2555)…ในขณะที่ประเทศในแถบแอฟริกา ต้นกำเนิดของเจ้าเพลี้ยสีชมพูเจ้าปัญหา ใช้เวลามานานนับสิบปียังไม่อาจสัมฤทธิผลได้
3 ปีแห่งการหาทางเอาชนะเพลี้ยแป้งสีชมพู เราใช้ทั้งวิธีป้องกันด้วยการรณรงค์ให้เกษตรกรนำท่อนพันธุ์มาแช่น้ำยากำจัดเชื้อเพลี้ยแป้ง และผลิตตัวห้ำตัวเบียน เพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ “แตนเบียนอะนาไกรัสโลเพสซี่” และ “แมลงช้างปีกใส” ให้ไปช่วยกำจัด กัดกินเพลี้ยแป้งสีชมพู
เราผลิตและปล่อยไปมากถึง 80 ล้านตัว…นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ผู้เชี่ยวชาญ FAO อึ้งและทึ่งเป็นที่สุด ไม่เข้าใจว่าไทยใช้วิธีการยังไง ในการผลิต และปล่อยตัวห้ำตัวเบียนปริมาณมหาศาลได้ยังไง
ในที่สุด สุขใจในคำตอบวิธีการแบบไทยๆ…ประชารัฐ นั่นคือทุกภาคส่วนร่วมกันเป็นเครือข่าย ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันพัฒนามันสำปะหลัง โรงงานต่างๆที่น่าปลื้มใจสุดๆ คือความร่วมมือจากเกษตรกรของศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนกว่า 500 แห่ง ช่วยกันผลิตและปล่อยตัวห้ำตัวเบียนในพื้นที่ที่มีการระบาด
ผลิตและปล่อยไป 80 ล้านตัว โดยไม่ต้องมาเสียเวลาคิดหาวิธีการโลจิสติกส์ใดๆมาจัดการเหมือนที่ฝรั่งคิดกัน
คงเป็นอีกหนึ่งรางวัลที่น่าภูมิใจของประเทศ…สามัคคีร่วมใจกันทำ เราทำได้ทุกครั้ง ที่สำคัญยังสะท้อนให้เห็นว่า ความสำเร็จใดๆจะมีมิได้เลย หากปราศจากการมีส่วนร่วมจากประชาชน.
สะ–เล–เต