ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/563927
โดย สะ-เล-เต 18 ม.ค. 2559 05:01

“หม่อน” นอกจากจะเป็นหนึ่งในพืชสมุนไพรสรรพคุณครอบ จักรวาล ทุกส่วนตั้งแต่ใบ กิ่ง ต้น ผล ราก มีสรรพคุณทางยา บำรุงร่างกาย แก้ได้สารพัดโรคแล้ว ใบหม่อนยังเป็นอาหารของตัวไหม ที่มาของผ้าไหมหรูหรา ราคาไม่ธรรมดา
อาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับใบหม่อนเป็นหลัก เพราะกว่าจะได้รังไหมมาต้มสาวขาย ต้นทุนการผลิต 60-70% อยู่ที่ใบหม่อน
และที่เป็นปัญหาใหญ่ของเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม…ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ใบหม่อนมักจะเป็นโรคราสนิม
อันเกิดจากสปอร์เชื้อราเข้าไปฝังตัวในใบ กลายเป็นจุดเล็กสีเหลืองหรือสีน้ำตาลปนแดง บวมขึ้นเป็นตุ่มแผลใหญ่ เมื่อเนื้อเยื่อใบถูกทำลายและแตกออก จะเห็นสปอร์เชื้อราเป็นผงสีน้ำตาลปนแดง คล้ายสนิมบนตุ่มแผล กระจายทั่วใต้ใบ หากระบาดรุนแรงใบหม่อนจะมีสีเหลืองทั้งใบ แห้งเป็นสีน้ำตาลและร่วงหล่น นำไปใช้เลี้ยงไหมไม่ได้
จากปัญหานี้ กรมหม่อนไหม โดย ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ศรีสะเกษ จึงได้ปรับปรุงพันธุ์หม่อนใหม่ขึ้นมา…พันธุ์ SRCM 9105-46
เหมาะจะนำไปปลูกในพื้นที่มีการระบาดของโรคราสนิม เพราะทนทานต่อโรคราสนิม ให้ผลผลิตใบต่อไร่สูง ค่อนข้างทนแล้ง ท่อนพันธุ์แตกรากดีทำให้ขยายพันธุ์ง่าย
SRCM 9105-46 เป็นพันธุ์หม่อนลูกผสม เกิดจากการผสมเกสรระหว่างหม่อนพันธุ์นครราชสีมา 60 กับหม่อนพันธุ์ SKS S.1.91…มีลักษณะเด่นคือให้ผลผลิตใบสูงกว่าพันธุ์บุรีรัมย์ 60 ในพื้นที่ของเกษตรกรในเขตอาศัยน้ำฝน เฉลี่ย 63.00%
มีความทนทานต่อโรคราสนิมได้ดีกว่าพันธุ์บุรีรัมย์ 60 เฉลี่ย 18.88% และยังคงนำไปเลี้ยงไหมได้ดีไม่แตกต่างจากพันธุ์บุรีรัมย์ 60 จึงเป็นพันธุ์หม่อนที่กรมหม่อนไหมแนะนำให้ใช้ปลูกในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคราสนิม ทั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้
เกษตรกรสนใจหม่อนพันธุ์ใหม่ทนโรคราสนิม ติดต่อสอบถามได้ที่ 0-2558-7924-6 ต่อ 401-405.
สะ–เล–เต