ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/565848
โดย คุณนิติ นวรัตน์ 22 ม.ค. 2559 05:01

แม้เศรษฐกิจไทยไม่ดี แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จกลับขอให้พ่อผมช่วยเป็นธุระจัดทริปท่องเที่ยวแบบ 5 ดาว ไปท่องเที่ยวในประเทศที่นักท่องเที่ยวโลกไม่ค่อยเดินทางไปเช่น มาดากัสการ์ แทนซาเนีย อิหร่าน คิวบา เบนิน โตโก กานา อุซเบกิสถาน ฯลฯ
นักท่องเที่ยวบางพวกเริ่มเบื่อโลกศิวิไลซ์ที่ทุกอย่างเหมือนกันหมด ห้องพักของโรงแรมในกรุงปารีส ก็เหมือนกันทุกประการกับห้องพักของโรงแรมในมหานครเมลเบิร์น อาหารเช้าของโรงแรมชั้นหนึ่งในกรุงเทพฯ เหมือนกันทุกประการกับอาหารเช้าของโรงแรมในกรุงมอสโก เมื่อเบื่อสิ่งซ้ำๆ จำเจพวกนี้ นักท่องเที่ยวโลกส่วนหนึ่งก็จะหันไปท่องเที่ยวยังสถานที่ที่แปลกแตกต่างและยังไปค้นคว้าหาโลกในอดีตได้
เมื่อก่อน มนุษย์เราต้องก่อไฟหุงข้าวเอง ซักเสื้อผ้าด้วยมือต่อมา มีไฟฟ้ามาช่วย มนุษย์ก็ใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า มีเครื่องซักผ้า ยุคนี้มนุษย์มีเวลาว่าง 2 วันต่อสัปดาห์ ตอนนี้โลกเข้าสู่ยุคอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ทำงานแทนเราเกินครึ่ง การคำนวณต่างๆ ไม่ต้องใช้ลูกคิด สต๊อกก็ไม่ต้องใช้คนไปเดินนับเหมือนเมื่อก่อน มนุษย์จึงมีเวลาเหลือมากขึ้น เมื่อมีเวลาเหลือมากขึ้น มนุษย์ก็จะทำ 2 อย่างคือ หันไปดูทีวีและคลิป ซึ่งดูได้จากสมาร์ทโฟน และเดินทางท่องเที่ยวเพื่อให้พ้นสภาพจำเจอันเป็นสัญชาตญาณแท้จริงของมนุษย์
องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นดับ-เบิลยูทีโอ ติดตามเก็บตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้าพักค้างคืนตามแหล่งท่องเที่ยวโลกพบว่า ประเทศที่ผู้คนนิยมไปเที่ยวกันมากที่สุดในโลกคือ ฝรั่งเศส (ที่ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวเข้าปีละประมาณ 85 ล้านคน ทั้งๆที่มีปัญหาการก่อการร้าย) ตามด้วยสหรัฐอเมริกา สเปน จีน และจนถึงขณะนี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลกโตเกินค่าเฉลี่ยติดต่อกันมาเป็นปีที่ 6 แล้วนะครับ เดิมก็มีวิจัยว่า การท่องเที่ยวโลกจะโต 3–4% แต่เอาเข้าจริงๆ โตเกิน 4% ทุกปี อย่าง พ.ศ.2558 เพิ่มขึ้นถึง 4.4% มีนักท่องเที่ยวมากถึง 1,118 ล้านคน
การศึกษาที่ทำกันอย่างมุ่งมั่นและมีประสิทธิภาพพบว่า พ.ศ. 2563 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า นักท่องเที่ยวพักค้างคืนที่ต่างประเทศจะมีตัวเลขสูงถึง 1,400 ล้านคน
หลายคนคาดการณ์ผิดว่า สถานการณ์การก่อการร้ายจะทำให้นักท่องเที่ยวพักค้างคืนในต่างประเทศมีจำนวนลดลง ขอเรียนว่าลดลงเป็นจุดๆ ครับ อย่างแถวแอฟริกาเหนือลดลง 8% ภูมิภาคซับ-ซาฮาราลดลง 1%
สำหรับประชาคมอาเซียน ประเทศที่บูมตูมตามด้านการท่องเที่ยวก็คือ เมียนมา พ.ศ.2557 มีบริษัทท่องเที่ยวทั้งเมียนมาเพียง 1,670 บริษัท พ.ศ. 2558 มีเพิ่มขึ้นมาถึง 1,922 บริษัท พ.ศ. 2557 ทั้งประเทศมีโรงแรมเพียง 290 แห่ง พ.ศ.2558 โรงแรมในเมียนมาเปิดให้บริการมากถึง 340 แห่งสิงคโปร์ลงทุนด้านท่องเที่ยวในเมียนมามากที่สุด ปีที่แล้วเพียงปีเดียว ลงไปมากถึง 1,470 ล้านดอลลาร์ รองลงมาก็คือ เวียดนาม ที่ลงทุน 440 ล้านดอลลาร์
เศรษฐกิจเวียดนามดีเกินที่คาดหมายไว้ คนมีสตางค์ก็เที่ยวกันเยอะ ในขณะที่สายการบินแห่งชาติของหลายประเทศขาดทุน แต่สายการบินแห่งชาติเวียดนามกลับได้กำไร แถมยังขายหุ้นให้กับบริษัทสายการบินอันดับ 1 ของบางประเทศเพื่อเป็นพันธมิตรที่จะใช้ขยายตลาดและปรับปรุงคุณภาพ
สัปดาห์ที่แล้ว เวียดนามแอร์ไลน์สขายหุ้นให้ออลนิปปอน แอร์เวย์ส 8.8% อยากให้ผู้อ่านท่านดูการเติบโตของเวียดนามแอร์ไลน์สหลังจากที่ขายหุ้นให้กลุ่มการบินขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งมีเครื่องบินมากถึง 234 ลำ มีคนทำนายทายทักว่าจะรุ่งใหญ่โตแน่
หลังจากแพ้จีนและเกาหลีใต้ด้านการท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นและองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นก็หันมาปรับยุทธศาสตร์ จนกระทั่ง พ.ศ.2558 ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวมากถึง 19.7 ล้านคน มากกว่า พ.ศ.2557 ถึง 47.1%
รัฐสภาญี่ปุ่นเชิญเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปให้ข้อมูลที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2559 เลขาธิการ ครม. ญี่ปุ่นบอกว่า เราทำได้ดีเกินคาด เป้าหมายสูงสุดของเรา เราต้องการนักท่องเที่ยวประมาณ 30 ล้านคน ใน พ.ศ.2563
ไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการท่องเที่ยว แต่จากการเก็บตัวเลขพบว่า รายได้จากการท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่กับนายทุน กระจายถึงแรงงาน 32 ตำแหน่ง และลงสู่รากหญ้าจริงๆ เพียง 15-20%
ต้องมาช่วยกันวางยุทธศาสตร์ให้ความมั่งคั่งจากการท่องเที่ยวไหลลงไปสู่ผู้คนชนรากหญ้าทั้งประเทศให้ได้มากกว่านี้ครับ.
คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand