ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/566578
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ม.ค. 2559 15:30

(ภาพถ่ายดาวเทียมจากนาซา เปรียบเทียบทะเลสาบปูโประหว่างปี 56 (ซ้าย) กับม.ค. 59 (ขวา)
ทะเลสาบปูโป ในโบลิเวียแห้งขอดแทบไม่เหลือ น้ำเหือดแห้งหายไปจากทะเลสาบ 99.9999% ชี้เป็นผลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ และการทำเหมืองแร่ ขณะที่นักวิทยาศาสตร์เตือนน้ำในทะเลสาบปูโปอาจแห้งเช่นนี้ไปตลอดกาล
เมื่อวันที่ 22 ม.ค.59 สื่อต่างประเทศรายงานเรื่องน่าตื่นตระหนกตกใจที่เกิดกับทะเลสาบปูโป ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศโบลีเวีย เมื่อน้ำในทะเลสาบได้แห้งขอด และอาจจะแห้งเช่นนี้ไปตลอดกาลเลยทีเดียว โดยบรรดานักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง จากปรากฏการณ์เอลนีโญ และการทำเหมืองแร่ รวมถึงการทำการเกษตร คือตัวการสำคัญที่ทำให้สภาพธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงถึงขนาดน้ำในทะเลสาบปูโปเหือดแห้ง
ข่าวแจ้งว่า ทางการโบลิเวียได้ประกาศแจ้งข่าวร้ายอย่างเป็นทางการถึงสถานการณ์น้ำในทะเลสาลปูโปแห้งขอด เมื่อเดือนธันวาคม ที่ผ่านมาว่า น้ำในทะเลสาบได้แห้งไปถึง 99.9999% และเหลือน้ำอยู่เพียง 0.0001% เท่านั้น โดยได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนหลายพันคนที่อาศัยอยู่ใกล้ทะเลสาบ และทำมาหากินจากการทำประมงในทะเลสาบอย่างมาก
ด้าน แองเจล ฟลอเรส หัวหน้ากลุ่มเคลื่อนไหวอนุรักษ์ทะเลสาบปูโป กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทางการโบลิเวียไม่ได้สนใจคำเตือนจะเกิดหายนภัยกับทะเลสาบปูโปเลย เนื่องจากมีบริษัททำเหมืองแร่หลายบริษัทได้ผันน้ำจากทะเลสาบไปใช้ในกิจการทำเหมืองมาตั้งแต่ปี 2525 แล้ว ทั้งนี้ ทะเลสาบปูโป อยู่บนที่ราบสูงในบริเวณภูเขาอัลติปลาโน ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,700 เมตร โดยเป็นทะเลสาบที่มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำตื้นๆ มีขนาดความยาวถึง 90 กม.และกว้าง 32 กม. อีกทั้งธารน้ำแข็งแอนเดียน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของทะเลสาบปูโป ก็ได้หายหมดไปแล้วจากภาวะโลกร้อน

