จับตาสมเด็จช่วงนั่งสังฆราช หวั่นธัมมชโยผงาดลอยนวล?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/197348

วันพฤหัสบดี ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

พฤติกรรมของมหาเถรสมาคม (มส.) ช่วงที่ผ่านมาถูกตั้งข้อสังเกตว่า ทำตัวลับๆ ล่อๆ เหมือนมีเบื้องหลังซ่อนเร้นโดยเฉพาะล่าสุดที่มีข่าวว่าแอบประชุมวาระลับพิเศษเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา แล้วมีมติเสนอชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ อาจารย์ของธัมมชโย เจ้าสำนักธรรมกายเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่ จากนั้นวันที่ 11 ม.ค. ก็มีมติรับรองมติการประชุมลับพิเศษเมื่อวันที่ 5 ม.ค. อีกครั้งโดยมีการปิดข่าวเงียบทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญที่ควรทำอย่างเปิดเผยสง่างาม

สำหรับภาพลักษณ์ของ มส.ชุดนี้นั้นถูกตั้งข้อสังเกตมาตลอดว่าอยู่ภายใต้อำนาจผลประโยชน์การครอบงำของ ธัมมชโย ซึ่งอยู่หลังฉากความพยายามผลักดัน สมเด็จช่วง ผู้เป็นอาจารย์ขึ้นคุมอำนาจสูงสุดของวงการสงฆ์ ซึ่งความร่วมมือกันของ ธัมมชโย และ สมเด็จช่วง สะท้อนชัดเจนจากคำกล่าวของ สมเด็จช่วง เองเมื่อครั้งวัดธรรมกายจัด “ธุดงค์ธรรมชัย” แห่กลางเมืองหลวงมุ่งสู่วัดปากน้ำเมื่อปี 2555 โดยมีการโปรยกลีบดอกกุหลาบและดาวเรืองตลอดทางที่ขบวนเดินผ่านท่ามกลางเสียงด่าขรมทั่วเมืองว่าสร้างภาพทำให้รถติดหนัก แต่ สมเด็จช่วง กลับกล่าวว่า “ตั้งแต่เกิดมาจนถึงบัดนี้ 87 ปีแล้ว เพิ่งจะวันนี้เองที่ได้เดินบนกลีบกุหลาบ จึงชื่นใจ”

แต่ที่สำคัญก็คือคำกล่าวของ สมเด็จช่วง กล่าวต่อญาติโยมที่วัดปากน้ำในปีเดียวกันมีใจความตอนหนึ่งว่า “ถือว่าวัดปากน้ำกับวัดพระธรรมกายเป็นวัดพี่น้องหรือเสมือนหนึ่งว่าเป็นวัดเดียวกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน วัดปากน้ำมีวัดพระธรรมกายมีอะไรก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แต่ส่วนใหญ่วัดพระธรรมกายให้กับวัดปากน้ำเป็นส่วนใหญ่ เป็นต้นว่า พระมหาเจดีย์ที่ท่านทั้งหลายกำลังนั่งเห็นอยู่นี้ วัดพระธรรมกายถวายจตุปัจจัยมา 30 ล้านบาท ทองคำอีกจำนวนหนึ่ง แล้วก็พระธาตุอื่นๆ อีกจำนวนมาก ทุกอย่างท่านให้ สละ เพราะถือว่าเป็นวัดพี่วัดน้องหรือเป็นวัดเดียวกัน”

พฤติกรรมส่อปกป้อง ธัมมชโย ของสมเด็จช่วงถึงกับเคยทูลเกล้าฯเลื่อนสมณศักดิ์ให้ ธัมมชโย เมื่อปี 2554 ทั้งๆ ที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เคยมีพระบัญชาให้ ธัมมชโย ปาราชิกพ้นความเป็นพระตั้งแต่เมื่อปี 2542 ฐานยักยอกเงินวัดธรรมกายจากการบริจาคของสาธุชนมาเป็นสมบัติส่วนตัวเกือบ 1,000 ล้านบาท และยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ มส.ซึ่งมี สมเด็จช่วง เป็นประธานแอบประชุมลับโดยนอกจากไม่ปฏิบัติตามพระบัญชาของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ซ้ำยังลงมติให้ ธัมมชโย ไม่ปาราชิกพ้นจากความเป็นพระ

ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมากรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งผลการตรวจสอบโดยชี้ชัดว่า ธัมมชโย ปาราชิกพ้นความเป็นพระไปยัง มส. ขณะที่ ธัมมชโย มีคดียักยอกทรัพย์ติดตัวอีกหลายคดีโดยเฉพาะพัวพันคดีทุจริตเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น

การที่พุทธศาสนิกชนหลายกลุ่มออกมาคัดค้านการเสนอชื่อสมเด็จช่วงเป็นพระสังฆราชอาจเพราะวิตกว่า หากสมเด็จช่วงขึ้นเป็นประมุขสงฆ์จะส่งผลให้ธัมมชโยลอยนวลพ้นข้อหาปาราชิกตามผลสอบของดีเอสไอ รวมทั้งคดีอื้อฉาวอื่นๆ และกลับมาผงาดมีอิทธิพลมากขึ้น ขณะที่สำนักธรรมกาย รวมทั้งกลุ่มอำนาจเก่าซึ่งเป็นพันธมิตรมีสิทธิแผ่ขยายอำนาจอิทธิพลยึดครองประเทศ

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment