ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/197927
นับเป็นแบบอย่างที่น่าชื่นชมที่คนซึ่งจะเป็นผู้นำประเทศ ตลอดจนเยาวชนคนรุ่นใหม่ควรถือเป็นแบบอย่างกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศขอโทษกรณีที่ก่อนหน้านี้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปลด7 กรรมการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ให้ยุติการทำหน้าที่ชั่วคราวเพื่อตรวจสอบความโปร่งใสหลังได้รับการร้องเรียนว่าปฏิบัติหน้าที่ส่อไปในทางขัดต่อระเบียบราชการ
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นผู้นำภายใต้อำนาจพิเศษซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตามวิถีทางระบอบประชาธิปไตยกล่าวคำขอโทษต่อหน้าสาธารณชนพร้อมทั้งเตรียมให้7 บอร์ด สสส.กลับเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเป็นกรรมการใหม่ได้หลังผลตรวจสอบไม่พบการกระทำผิดสะท้อนให้เห็นวุฒิสภาภาวะความเป็นผู้นำที่มีจิตวิญญาณแห่งผิดถูกชั่วดีและกล้าหาญพร้อมที่จะยอมรับความผิดพลาดโดยไม่กลัวเสียหน้า รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ เปิดเผย โปร่งใส ซึ่งต่างจากผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งที่ส่วนใหญ่มักกะล่อนปลิ้นปล้อนสร้างภาพมอมเมาประชาชนเพื่ออำพรางความเลวร้ายของตัวเอง
คนไทยทั้งประเทศย่อมรู้ดีแก่ใจถึงบุคลิกอุปนิสัยของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่โกหกไม่เป็นคิดอะไรก็พูดอย่างนั้น เพียงแต่ด้วยความเป็นนายทหารอาจมีท่าทีดุดันไปบ้าง แต่ก็แฝงไว้ด้วยความจริงใจ
ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ เคยยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนมีความสามารถเก่งกาจอะไร บางครั้งก็ผิดพลาด แต่เมื่อผิดพลาดแล้วก็แก้ไข และใจจริงไม่อยากเข้ามายึดอำนาจแต่ด้วยความจำเป็นที่ประเทศเดินหน้าไปไม่ได้จากภาวะรัฐล้มเหลว ซึ่งด้วยสำนึกและหน้าที่ของกองทัพที่ต้องรักษาชาติบ้านเมืองจึงต้องเข้ามากอบกู้ประคับประคองประเทศและวางรากฐานให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงยั่งยืน
หากเปรียบเทียบกับผู้นำประเทศในอดีตอย่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกคดีทุจริตจะพบว่าจิตสำนึกในเรื่องความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ โปร่งใส และความจริงใจต่อประชาชนและชาติบ้านเมืองช่างต่างกันสิ้นเชิง
ทักษิณ นั้นนอกจากไม่ยอมรับผิดตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว ยังหลบหนีโทษจำคุกคดีทุจริตตามคำพิพากษาศาลและที่เลวร้ายกว่านั้นนอกจากไม่สำนึกผิดแล้วยังบงการเหล่าบริวารเครือข่ายระบอบทักษิณก่อการร้ายบ่อนทำลายชาติบ้านเมืองจนพินาศย่อยยับ
ในยุครัฐบาลทักษิณเรืองอำนาจสุดขีดเคยบริหารประเทศผิดพลาดและละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงเทียบเท่ากับอาชญากรโลกจากนโยบายฆ่าตัดตอนสงครามกวาดล้างยาเสพติด ซึ่งมีการสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปกว่า 2,500 ศพเพื่อสร้างผลงาน หรือนโยบายการอุ้มฆ่าทารุณกรรมชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งทนายสมชาย นีละไพจิตรทนายนักต่อสู้เพื่อชาวไทยมุสลิม หรือเหตุการณ์สลายการชุมนุมของชาวไทยมุสลิมที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 ศพ หรือเหตุการณ์ยิงถล่มมัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี จนเป็นต้นเหตุสุมไฟก่อการร้ายในชายแดนภาคใต้ที่แทบจะมอดดับให้กลับมาลุกโชนจนบัดนี้ ยังไม่รวมความเลวร้ายและล้มเหลวภายใต้ระบอบทักษิณอีกมากมาย
แต่ทักษิณนอกจากไม่เคยขอโทษด้วยการกระทำต่อกรรมชั่วร้ายที่ตัวเองก่อไว้กับชาติบ้านเมืองเหลือคณานับแล้ว ตรงกันข้ามยังพยายามคิดที่จะลบล้างโทษความผิดของตัวเองเพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องรับโทษอันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐและยังหวังที่จะกลับมาผูกขาดอำนาจเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่
ทีมข่าวการเมือง