ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/195666
พรรคเก่าแก่ที่สุดของประเทศอย่างพรรคประชาธิปัตย์ยังไงก็เป็นประชาธิกัดคือต้องมีเรื่องขัดแย้งในพรรคอยู่ตลอดเวลาจนตกเป็นข่าวครึกโครมมาทุกยุคทุกสมัยซึ่งในอดีตถึงขั้นพรรคแตกก็หลายครั้ง แม้ปัจจุบันพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผมก็ยังคงความเป็นประชาธิกัดไม่เปลี่ยนแปลง
ปรากฏการณ์ความเป็นประชาธิกัดยุคใหม่ที่สะท้อนความร้าวฉานในพรรคอย่างรุนแรงก็คือกรณีที่ก่อนหน้านี้มีอดีตสส.กทม. คือ นายวัชระ เพชรทอง และ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ออกมาโจมตีเปิดโปงเงื่อนงำการทุจริตในกทม.ภายใต้การบริหารของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเป็นแกนนำพรรคอย่างรุนแรงถึงขั้นเคลื่อนไหวที่จะขับพ้นสมาชิกพรรค
ล่าสุดก็มีความเคลื่อนไหวพยายามเปิดประเด็นข่าวแบบโยนหินถามทางชู ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตรมว.ต่างประเทศ อดีตเลขาธิการอาเซียน และอดีตสส. 7 สมัยพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำพรรคคนปัจจุบัน
จาก 2 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นรอยปริภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงหลังจากที่พรรคตกต่ำมากว่า 10 ปี เพื่อความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งในปีหน้า
ความขัดแย้งของพรรคประชาธิปัตย์หากมองในแง่ดีก็ถือเป็นเอกลักษณ์ของพรรคการเมืองนี้ที่สมาชิกพรรคทุกคนมีสิทธิมีเสียงมีความเป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ทำได้แม้แต่ขับไล่ผู้บริหารพรรคที่ผิดพลาดไม่ชอบมาพากล ต่างจากพรรคธุรกิจการเมืองอย่างพรรคเพื่อแม้วที่เป็นเพียงบริษัทการเมืองจำกัดซึ่งอำนาจการตัดสินใจทุกอย่างอยู่ที่เจ้าของบริษัทการเมืองเพียงคนเดียว
พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคเก่าแก่ที่สุดของประเทศที่เคยรุ่งโรจน์ในอดีตแต่ช่วงกว่า 10 ปี กลับถดถอยซึ่งที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะนอกจากแพ้ต่ออิทธิพลของทุนธุรกิจการเมืองแล้ว ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อแม้วซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญก้าวหน้ากว่าในกลยุทธ์การสร้างคะแนนนิยมด้วยการตลาด ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยังขาดจุดขายที่เด่นชัดเพียงพอทั้งในเรื่องตัวบุคคลที่เป็นแกนนำพรรค รวมทั้งแนวนโยบายที่โดนใจมหาชน
นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า ในท่ามกลางอนาคตที่ยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับพรรคประชาธิปัตย์โอกาสเดียวหากคิดที่จะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนในอดีตก็คือจะต้องรวมพลังระดมบุคคลที่มีความรู้ความสามารถระดับชาติซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในอดีตหรือดึงนักธุรกิจระดับชาติหรือคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จมาเป็นแกนนำหรือที่ปรึกษาเพื่อขับเคลื่อนพรรค อาทิ ดร.สุรินทร์ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในเวทีโลก โดยเป็นอดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลกและล่าสุดเป็นเลขาธิการองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ หรือ อังค์ถัดซึ่งถือเป็นบุคคลสำคัญหมายเลขสองขององค์การสหประชาชาติรองจากเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ
ส่วนนโยบายพรรคในยามที่เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศยังอยู่ในภาวะซบเซาและผันผวน พรรคประชาธิปัตย์ต้องมีจุดขายที่ชัดเจนโดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน
ทั้งนี้หากพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ปฏิรูปพรรคครั้งใหญ่อย่างจริงจัง อย่าว่าแต่ยังจะพ่ายแพ้ต่อพรรคคู่แข่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่อาจจะตกต่ำถึงขั้นสูญเสียฐานที่มั่นสำคัญที่ยึดครองมาตลอดนั่นคือเมืองหลวง
ทีมข่าวการเมือง