ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/565210
โดย ทีมข่าวการเมือง 20 ม.ค. 2559 05:01

ไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ 29 มกราคม ดีเดย์เปิดโฉมร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “มีชัย” อย่างเป็นทางการ
แค่ปมร้อนที่โยนออกมาชิมลาง ภายหลังนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ยกทีมงานไป “ปลุกปั้น” กันที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
เท่านี้ก็ “เรียกแขก” กระตุกเสียงโห่ฮาไปทั้งบาง
โดยเฉพาะอาการของ “นักเลือกตั้งอาชีพ” ที่ตั้งแง่ใส่ปม “พิลึกพิลั่น”
ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.ต้องแจ้งรายชื่อบุคคลที่จะเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี จำนวน 3 คน ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนวันเปิดรับสมัครเลือกตั้ง และต้องประกาศรายชื่อให้ประชาชนทราบ
เหมือนเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีคนนอกกันเนียนๆ
หรือการให้องค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีอำนาจในการพิจารณาร่วมกันกรณีที่รัฐบาลเตรียมดำเนินการสิ่งใดและส่อว่าจะเกิดความเสียหายในระดับนโยบาย หากยังไม่ยุติแล้วเกิดผลเสียหายในที่สุด ถือเป็นความผิดของรัฐบาลต้องรับผิดชอบ
โดยรูปการณ์ รัฐบาลในอนาคตอาจต้องบริหารภายใต้องค์กรอิสระ
ยังไม่นับระบบเลือกตั้ง ส.ส. การได้มาซึ่ง ส.ว. ที่ยังลักลั่นในสายตาของนักเลือกตั้งอาชีพที่มองคนร่างรัฐธรรมนูญไม่มีประสบการณ์ ร่างบนพื้นฐานของพวกไม่เคยปฏิบัติจริง
เอาเป็นว่า แค่ 3–4 ปมที่ปล่อยออกมา ทำให้มีคนประกาศจุดยืนกันได้เลย
ไล่ตั้งแต่รุ่นใหญ่ระดับนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล แกนนำรุ่นเก๋าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศชัดๆผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ฟันธงไม่ใช่เฉพาะสองพรรคใหญ่ คงรวมทุกพรรคการเมือง ใหญ่น้อยด้วย
“ผมคนหนึ่งที่ขอประกาศว่าไม่รับร่าง รธน.นี้ในชั้นประชามติ น่าเสียดายที่ต้องสูญเสียงบประมาณแผ่นดินเป็นหมื่นล้านเพียงเพื่อสนองทางออกของคนบางกลุ่มเท่านั้น”
อารมณ์เดียวกันกับคนต่างขั้วต่างค่ายอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ กับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง นปช. ประสานเสียงรัฐธรรมนูญฉบับของนายมีชัยไม่น่าจะใช้ได้
เพราะมีการโกงอำนาจประชาชนไปแล้ว เป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับบอนไซประชาธิปไตย ให้อำนาจองค์กรอิสระเหนือตัวแทนประชาชน
จะต้องรณรงค์ไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ
ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กวักมือชวนเพื่อนนักการเมืองทุกพรรคหารือกำหนดท่าทีร่วมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “มีชัย”
โดยที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แบะท่าตอบรับเข้าร่วม จับเข่าคุยกันตามประสาคนหัวอกเดียวกัน
ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย หันมาปรองดองกันโดยอัตโนมัติ
จับอาการ “นักเลือกตั้งอาชีพ” แทบทุกค่าย ทุกยี่ห้อ แท็กทีมต้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “มีชัย” ที่เวนคืนอำนาจของนักการเมืองไปอยู่กับองค์กรอิสระและข้าราชการ
แนวโน้มการฝ่าด่านประชามติย่อมเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
และก็เป็นอะไรที่เดาทางได้ ยี่ห้อ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ที่ขึ้นชื่อเรื่องบทโหดกับนักการเมืองอยู่แล้ว แนวโน้มก็คงไม่ยอมปรับโทน หรือลดยาแรงที่จ่ายให้นักเลือกตั้ง
งานนี้ “ยอมหัก” มากกว่า “ยอมงอ”
ประเมินกันตามเงื่อนไขแต่ละฝ่ายก็เป็นอะไรที่ชัวร์เหมือนเล่นไฮโลเปิดถ้วยแทง โอกาสที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “มีชัย” จะแท้ง ไม่ได้ใช้เหมือนฉบับ “36 อรหันต์ทองคำ” ของศิษย์เอกอย่างนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ย่อมเป็นไปได้สูง
และจุดที่น่าสนใจกว่า เมื่อคนนอกยังอ่านได้ มีหรือฝ่าย เสธ.ของทีมงาน คสช.จะมองไม่ขาด
นอกเสียจาก “ตั้งใจ” ใส่ยาแรง “ทำแท้ง” กันเอง
นั่นก็เพราะไพ่แต้มสำคัญมันอยู่ที่มาตรา 44 ที่อยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. กรณีถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ สามารถหยิบรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาปรับแก้ เพื่อบังคับใช้ในการประกาศเลือกตั้ง
โจทย์มายังไง ใส่กันได้ตามธงเลย.
ทีมข่าวการเมือง