ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/566782
โดย ทีมข่าวการเมือง 23 ม.ค. 2559 05:01

ยังไม่ถึงคราวเกมโอเว่อร์ กรณีโครงการอุทยานราชภักดิ์ แม้ผลสอบของกระทรวงกลาโหม เที่ยวล่าสุด จะออกมาการันตีความโปร่งใสในการดำเนินการ
แต่ปมต่อเนื่องที่มีการขยายความออกไป ยังปิดจ๊อบไม่ลง
กับกรณีล่าสุดที่เจ้าหน้าที่ทหารอำพรางใบหน้า และทะเบียนรถ บุกล็อกตัว นายสรวิชญ์ เสรี-ธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” แกนนำนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ ที่หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 20 ม.ค.
นำตัวส่งศาลทหาร เซ่นข้อหาตามหมายจับ ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. มั่วสุมทางการเมืองเกิน 5 คน กรณีจัดกิจกรรมนั่งรถไฟไปตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวออกมา
กลายเป็นเป้าล่อให้ฝ่ายตรงข้ามเหน็บแนมเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตั้งคำถามเดิมๆแทงใจดำถึงการเลือกปฏิบัติ เช็กบิลเฉพาะกลุ่มที่ไม่ลงรอยกับ คสช. แต่ไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มที่เป็นกองเชียร์ของฝ่ายผู้มีอำนาจ
เปิดช่องให้ขาประจำอย่างสหรัฐอเมริกา กระทุ้งรัฐบาลไทยให้เคารพเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน เลิกปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุมโดยสงบ
ถือโอกาสดิสเครดิต ลดทอนความน่าเชื่อถือรัฐบาลท็อปบูตไปในตัว
ปมอุทยานราชภักดิ์ยังถูกเติมหัวเชื้อเลี้ยงกระแสให้คุกรุ่นต่อไป ไม่ให้มอดดับสนิท
รอเก็บไว้ผสมโรงกับปมความไม่ชอบมาพากลประเด็นอื่นๆที่ขณะนี้หลายฝ่ายเริ่มออกแอ็กชั่น กล้าขุดคุ้ยการทำงานฝ่ายรัฏฐาธิปัตย์มากขึ้น
อาทิ กรณี นายดำรงค์ พิเดช สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยื่นหนังสือถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. แฉความไม่ชอบมาพากลการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการหรือวันแม็ป
ที่แอบเฉือนที่ดิน 1,200 ไร่ เขตป่าสงวนป่าเขารวก ป่าเขาเมือง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต ออกจากแผนที่เพื่อเอื้อประโยชน์ช่วยกลุ่มนายทุน กันพื้นที่รีสอร์ต โรงแรมหรู ออกจากแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ
พุ่งเป้าตั้งคำถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีคีย์แมน คสช.นั่งเป็นเจ้ากระทรวงทั้ง “บิ๊กต๊อก” พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และ “บิ๊กเต่า” พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ
รวมถึงกรณี ป.ป.ช.ตรวจสอบพบการใช้งบประมาณตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล หรือโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท มีการใช้งบประมาณผิดปกติ ไม่เป็นไปตามขั้นตอนในหลายพื้นที่
จุดขายเรื่องความซื่อสัตย์ที่เคยเป็นจุดแกร่งในยุคที่ คสช.เริ่มทำงานใหม่ๆถูกสังคมตั้งคำถามจับผิดมากขึ้น
สารพัดปัญหารุมรุกเร้าทีมงานเรือแป๊ะมากขึ้นเรื่อยๆ “บิ๊กตู่” เจอแรงเสียดทานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จนเกิดกระแสข่าวลืออยากลงจากหลังเสือโดยเร็วที่สุด ไม่ขอลากยาวอยู่จนถึงโรดแม็ปปี 2560
สวนทางกับกลุ่มขั้วอำนาจเดิม ในอารมณ์ของนักเลือกตั้งที่แหยงกติกาฉบับใหม่ หลังเริ่มเห็นพิมพ์เขียวแรกของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.นั่งหัวโต๊ะ
ทุกขั้วการเมืองส่ายหน้าไม่เอาด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับซือแป๋ “มีชัย”
ภายใต้สูตรพิสดารที่มุ่งบอนไซฝ่ายการเมือง เพิ่มอำนาจองค์กรอิสระและฝ่ายข้าราชการ
ทั้งปมการเปิดช่องให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก การให้พรรคการเมืองแจ้งชื่อบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี จำนวน 3 คน ต่อ กกต.เพื่อให้ประชาชนทราบล่วงหน้า การเลือกตั้ง ส.ว.ทางอ้อมจาก 20 กลุ่มอาชีพ การกาบัตรเลือกตั้งใบเดียวเลือกทั้ง ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายกรัฐมนตรี
ตลอดจนการเพิ่มอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ผ่าทางตัน ชี้ขาดกรณีเกิดวิกฤติในประเทศ
โดยเฉพาะการวางกฎเหล็กเรื่องการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ต้องมีเสียงเห็นชอบร้อยละ 10 ของทุกพรรคการเมือง เพื่อกรุยทางไปแก้กฎหมายสูงสุดของประเทศ
และหากเป็นการแก้ไขหลักการสำคัญ ต้องฝ่าด่านทำประชามติอีกชั้น
วางโจทย์หิน สกัดทัพการเมืองที่จ้องเข้ามารื้อรัฐธรรมนูญใหม่หลังการเลือกตั้งสมัยหน้า ไม่ให้ปลดล็อกแก้กติกาได้ง่ายๆเหมือนที่ผ่านมา
ทุกค่ายตั้งแง่ไม่เร่งรีบกระโจนลงสนาม ถ้ากติกายังเป็นพิษต่อฝ่ายการเมือง ผิดฟอร์มนักเลือกตั้งมืออาชีพในอดีตที่มักเรียกร้องให้ฝ่ายยึดอำนาจคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด
ไม่กล้าบุ่มบ่ามยอมให้ผ่านประชามติไปก่อน แล้วไปแก้ไขกติกาทีหลัง เหมือนเมื่อครั้งรัฐธรรมนูญปี 50 เพราะต่อให้ได้อำนาจกลับมาเร็ว ก็ต้องตกเป็นเบี้ยล่างองค์กรอิสระและฝ่ายข้าราชการ ตามกลไกที่ฝ่ายกุมอำนาจวางหมากไว้
เสี่ยงเล่นเกมเร็วแล้วไม่คุ้มกัน สู้รอจังหวะช้า แต่ชัวร์ดีกว่า.
ทีมข่าวการเมือง