สารพัดมรสุมท้าทายรัฐ ศึกหนักต้อนรับปีวอก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/195509

วันอาทิตย์ ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

สถานการณ์ของประเทศในปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.ในภาพรวมแม้จะยังเป็นที่ยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ก็ยังมีปัญหาอีกหลายประการที่เป็นระเบิดเวลาทางการเมืองหรือปัญหาที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ไขในปีใหม่โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจระดับรากหญ้า

ปัญหาเศรษฐกิจถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับรัฐบาลซึ่งแม้ในภาพรวมของปีที่ผ่านมาเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่ที่น่าวิตกคือเศรษฐกิจของคนระดับล่างของสังคมที่ยังอยู่ในภาวะฝืดเคืองจากปัญหาค่าครองชีพที่ไม่สอดคล้องกับรายได้ และที่น่าวิตกอย่างยิ่งคือภาคการเกษตรโดยเฉพาะชาวนาผู้ปลูกข้าวและเกษตรกรชาวสวนยางที่ต้องเผชิญกับราคาข้าวและยางตกต่ำ

แต่ที่น่าวิตกยิ่งกว่าก็คือวิกฤติภัยแล้งที่จะเป็นปัญหาซ้ำเติมเกษตรกรโดยเฉพาะชาวนาที่ต้องเผชิญวิกฤติไม่มีน้ำทำนาในปีที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์ว่าวิกฤติภัยแล้งยังจะยืดเยื้อต่อเนื่องในปีใหม่นี้ ขณะที่ปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนใหญ่ทั่วประเทศอยู่ในขั้นวิกฤติทำให้กรมชลประทานต้องประกาศงดจ่ายน้ำเพื่อการเกษตร และถึงกับหวั่นวิตกว่าจะเกิดศึกแย่งน้ำอย่างรุนแรงในต้นปีใหม่นี้จากการงดจ่ายน้ำของกรมชลประทาน และยิ่งหากชาวนาถูกสุมไฟยุยงปลุกปั่นจากขบวนการที่ไม่หวังดีจ้องบ่อนทำลายรัฐบาลก็อาจเกิดปัญหาม็อบชาวนาลุกฮือประท้วงจนอาจลุกลามบานปลายกลายเป็นวิกฤติทางการเมือง

นอกจากปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซาภายในประเทศแล้วยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจในปีใหม่ยังอยู่ในภาวะประคองตัว

มรสุมสำคัญอีกลูกหนึ่งที่รัฐบาลต้องเผชิญในปีใหม่นั่นก็คือความร้อนแรงทางการเมืองภายในประเทศโดยเฉพาะจากการเคลื่อนไหวของขบวนการระบอบทักษิณและชาติมหาอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งนี้ ตัวแปรสำคัญที่เป็นตัวเร่งให้เครือข่ายระบอบทักษิณเคลื่อนไหวรุนแรงมากขึ้นก็คือ

การที่รัฐบาลจะฟ้องทางปกครองเพื่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินจากโครงการรับจำนำข้าวซึ่งต้องมีการยึดทรัพย์โดยในส่วนนี้จะมีข้อสรุปในเดือนม.ค.นี้ ขณะที่คดีทางอาญาโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลยฐานกระทำผิดต่ออำนาจหน้าที่ในโครงการรับจำนำข้าวโดยส่อรู้เห็นเป็นใจปล่อยให้มีการทุจริตอย่างโมหฬารจนสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ก็กำลังใกล้ชี้ชะตาเข้าไปทุกขณะ ซึ่งชะตากรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นสิ่งที่ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชายและเป็นนายใหญ่ระบอบทักษิณยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาดโดยพร้อมที่จะเคลื่อนไหวแตกหักกับคสช.และรัฐบาล ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นมาแล้วจากเหตุลอบก่อวินาศกรรมด้วยระเบิดหลายครั้งเพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพอำนาจรัฐ

ปมทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นอีกปัญหาหนึ่งซึ่งกลายเป็นจุดอ่อนและเป็นประเด็นทางการเมืองที่เครือข่ายระบอบทักษิณหวังใช้เป็นเครื่องมือบ่อนทำลายความชอบธรรมของรัฐบาล ซึ่งหากรัฐบาลไม่สามารถสร้างความเข้าใจต่อประชาชนให้ชัดเจนจะกลายเป็นปัญหาที่ลุกลามบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่

อีกมรสุมหนึ่งสำหรับรัฐบาลก็คือ วิกฤติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งบรรดาพรรคการเมืองพยายามที่ต่อต้านขัดขวางมาตลอดอาจนำไปสู่การปลุกระดมมวลชนให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญในขั้นลงประชามติซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เสี่ยงจะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างอำนาจรัฐกับบรรดาพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคระบอบทักษิณจนอาจนำไปสู่อุบัติเหตุทางการเมือง

นอกจากมรสุมภายในประเทศแล้ว ในปีใหม่นี้คาดว่ารัฐบาลซึ่งเป็นผลพวงจากการรัฐประหารยังต้องเผชิญกับแรงกดดันของมหาอำนาจสหรัฐและประชาคมยุโรปหนักหน่วงมากขึ้นด้วยข้ออ้างทั้งจากปัญหาเรื่องประมง การค้ามนุษย์ หรือเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการสร้างสถานการณ์ของระบอบทักษิณตามแผน“โลกล้อมไทย” ด้วยการสร้างสถานการณ์จุดประเด็นอ้างการคุกคามสิทธิเสรีภาพเพื่อให้นานาประเทศบอยคอตต์คสช.และรัฐบาล

ขณะเดียวกัน กรณีที่ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์ศิริรินทร์อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 อดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ที่อพยพครอบครัวและขอลี้ภัยในประเทศออสเตรเลียเดินสายให้สัมภาษณ์สื่อตะวันตกอ้างว่า ตัวเองถูกผู้มีอำนาจในเครื่องแบบข่มขู่จนต้องลาออกจากราชการและขอลี้ภัย ซึ่งเรื่องนี้เป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วโลกและส่งผลกระทบต่อรัฐบาลเป็นอย่างมากโดยอาจเป็นข้ออ้างที่นานาชาติใช้กดดันไทย

เพราะฉะนั้นในปีลิง 2559 นี้รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ยังต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อฝ่าฟันสารพัดมรสุมอันท้าทายซึ่งมีแนวโน้มที่จะร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment