ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/565746
โดย ทีมข่าวการเมือง 21 ม.ค. 2559 05:01

ยุทธศาสตร์การตลาดในแบบฉบับของรัฐบาลทหาร
ตามฉากที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. นำทีมรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เดินชมนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ทำจากยางพารา ซึ่งจัดขึ้นที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี
โชว์อีเวนต์ ก่อนที่ ครม.จะอนุมัติงบกลาง 2,000 ล้านบาท เพื่อรับซื้อยางพารากิโลกรัมละ 45 บาท จากเกษตรกรในระยะแรก พร้อมอนุมัติกรอบวงเงินอีก 7 หมื่นล้านบาท เพื่อรับซื้อเพิ่มเติม
และก็เป็นอะไรที่สังเกตได้ถึงการเน้นย้ำเป็นพิเศษ
แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับตามตรงเลยว่า กังวลต่อปัญหาการทุจริตในการรับซื้อยางพารา จึงได้กำหนดกลไกการรับซื้อที่รัดกุม โดยเฉพาะการเวียนขายยางเก่าให้รัฐบาล
ขณะที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ก็กางแผนให้เห็นก่อนเลยว่า กระทรวงกลาโหมมีแผนใช้ยางประมาณ 6 พันตัน โดยเริ่มรับซื้อ 1 พันตันก่อน เพื่อนำไปผลิตยางรถยนต์ ที่นอนยาง รองเท้า
โดยจะทยอยรับซื้อไปถึงปี 2560 จะใช้ถึง 15,000 ตัน
เช่นเดียวกับ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก็การันตีจะเป็นการรับซื้อยางจากเกษตรกรโดยตรงอย่างโปร่งใส โดยกระทรวงมหาดไทยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาคม อบจ. สมาคม อบต. สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ที่มีงบประมาณพอช่วยเหลือได้
ขั้นต้นกระทรวงมหาดไทยจะรับซื้ออยู่ประมาณ 5 หมื่นตัน
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ แสดงความมั่นใจทุกขั้นตอนโปร่งใส โดยรับซื้อจากเกษตรกรที่ลงทะเบียนกับคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ราคารับซื้ออยู่ที่ 45 บาทต่อกิโลกรัม วงเงินงบประมาณ 45,000 ล้านบาท
“บิ๊กรัฐบาล คสช.” ตบเท้า การันตีโครงการแทรกแซงราคายางโปร่งใส
ต่อเนื่องจากก่อนหน้านั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็พูดในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ว่าด้วยเรื่องของเศรษฐกิจ การดูแลปากท้องประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่รัฐบาลเตรียมจัดจำหน่ายข้าวที่อยู่ในคลังคุณภาพดีให้แก่พี่น้องประชาชน
โดยได้กำชับให้ทุกกระทรวง กรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำกับดูแลไม่ให้เกิดการทุจริตในกระบวนการนำข้าวออกจากคลังหรือการรั่วไหลโดยเด็ดขาด รวมถึงการตรวจสอบสต๊อกยางและการระบายยางต้องโปร่งใสเช่นกัน
จับอารมณ์ “บิ๊กตู่” ห่วงใยปมคอร์รัปชันมากจนสังเกตได้
ซึ่งก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ เมื่อโยงกับสถานการณ์ภาพรวมที่ปมทุจริตค่าหัวคิวการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ยังเป็นแผลเรื้อรังที่พร้อมลามติดเชื้อได้ตลอดเวลา
ขณะเดียวกันก็ยังมีปมแหลมๆเกี่ยวกับปัญหาความไม่โปร่งใสโผล่ออกมาเป็นระยะ
แบบที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ต้องปฏิเสธกระแสข่าวการยกเลิกโครงการความร่วมมือรถไฟไทย–จีน
เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยแพง และค่าก่อสร้างสูงถึง 5 แสนกว่าล้านบาท
เบื้องหลังยังมีข่าวลือ “นายหน้า” ทั้งไทยและจีนฟาดหัวคิวกันสะดือปลิ้น
สดๆร้อนๆก็เป็นคิวที่นายดำรงค์ พิเดช สมาชิก สปท.คนดัง หนึ่งในทีมงานใกล้ชิด “พี่ใหญ่” เดินหน้าแฉรายการสอดไส้กันแนวเขตป่าสงวนฯป่าเขารวกและป่าเขาเมือง จังหวัดภูเก็ต จำนวน 1,200 ไร่ไว้ในโครงการวันแม็ปของรัฐบาล เพื่อเอื้อประโยชน์นายทุน
รัฐบาล คสช.เริ่มสะดุดมาตรฐานความโปร่งใสถี่ขึ้นตามลำดับ
แต่ที่แน่ๆ “บิ๊กหมู” พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ได้มีหนังสือสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดที่ผ่านคุณสมบัติโครงการโซลาร์ฟาร์มทั้ง 11 แห่งสละสิทธิการดำเนินโครงการ เนื่องจากขั้นตอนการดำเนินโครงการนี้ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐปี 2556
กองทัพบกยุค “บิ๊กหมู” ชิงตีกรรเชียงชิ่งปมเสี่ยงๆก่อนใคร
เรื่องของเรื่อง ท่ามกลางสถานการณ์แกว่งๆ ที่ยังไม่ชัวร์ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติหรือไม่ การเลือกตั้งตามโรดแม็ปจะเกิดขึ้นในปี 2560 จริงหรือเปล่า
ปมคอร์รัปชันนี่แหละคือหัวเชื้ออันตรายที่จะเป็นปัจจัยแทรกให้เกิดการพลิกผัน
ที่สำคัญรัฐบาลทหารที่อ้างเหตุยึดอำนาจจากนักการเมืองด้วยปมทุจริต ก็ไม่ได้มีหลักประกันว่าตัวเองจะปลอดภัยหรือได้รับการยกเว้นแต่อย่างใด
“หมองู” ตายเพราะงูมาเยอะแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง