เปิดแฟ้มลับมหากาพย์ปลดล็อกขัดแย้ง : วัดใจ“ประยุทธ์”พิสูจน์ผู้นำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/567256

โดย ทีมข่าวการเมือง 25 ม.ค. 2559 05:01

 

ขึ้นแท่นเป็นตำนานของพรรคประชาธิปัตย์ หลังเข้าสู่แวดวงการเมืองและปักหลักอยู่พรรคเดียวเกือบ 60 ปี มีอุดมการณ์ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ

ฉายาว่า “คุณปู่” นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวการเมือง

โดยกะเทาะเปลือกโครงสร้างรัฐธรรมนูญ การบริหารประเทศภายใต้การนำของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และการสร้างความปรองดอง

โดยเริ่มออกตัวก่อนว่าได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ปี 2501) เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เพราะทนต่อการทำงานในพรรคและไม่มีประโยชน์สำหรับพรรคแล้ว ฉะนั้นมุมมองดังต่อไปจะไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์

มุมมองแรกเกี่ยวกับโครงสร้างรัฐธรรมนูญ ในฐานะที่ให้ความเคารพนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ เป็นนักกฎหมายมือหนึ่งของเมืองไทย คงมีเจตนารมณ์ที่ดีในการร่างรัฐธรรมนูญให้เหมาะสมกับประเทศไทย

แต่ขณะนี้ไม่ได้เห็นร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ทราบเพียงว่ามี 251 มาตรา และเท่าที่ติดตามแทบทุกวันพบว่า ในแต่ละประเด็นมีการเปลี่ยนแปลงตลอด เมื่อนำไปเทียบรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆพบว่าการเขียนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน

รัฐธรรมนูญที่ดีต้องมีเป้าหมายว่าจะเป็นประชาธิปไตยจ๋าเลย หรือเป็นรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิรัฐบาลมีอำนาจมาก หรือให้ ส.ส.มีอำนาจมาก หรือให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนมาก ถ้าไร้เป้าหมายเหล่านี้มันลำบาก

จะไปเขียนรัฐธรรมนูญด้วยอักษรให้เกิดความปรองดอง สมานฉันท์ เพื่อให้ยุติความขัดแย้งนั้น มันเป็นไปไม่ได้ เป็นนามธรรม การปรองดองต้องมาจากหัวใจและลงมือปฏิบัติ

จึงอยากเห็นรัฐธรรมนูญมีหัวใจเป็นประชาธิปไตย เน้นในเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชนและให้ประชาชนมีส่วน มีบทบาทในการปกครองการพัฒนาบ้านเมือง และโครงสร้างของรัฐธรรมนูญควรเขียนให้ชัดเจนว่า ความยุติธรรมไม่เป็นสองมาตรฐาน เป้าหมายแบบนี้สามารถกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญได้

แม้กระทั่งการเลือกนายกรัฐมนตรีที่เปิดให้คนนอกเข้ามาเป็นได้ แม้จะมีเงื่อนไขตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ แต่ขอยืนยันว่านายกฯ ต้องมาจาก ส.ส.

ที่มาของ ส.ว.ก็เช่นเดียวกันก็กำหนดให้มีการเลือกแบบแปลกๆ ไม่เคยมีรัฐธรรมนูญประเทศไหนกำหนดให้มีการเลือกตั้งแบบสลับไขว้ตามกลุ่มสาขาอาชีพ

แต่ถ้าจะให้ ส.ว.มีที่มาจากการเลือกตั้งกลุ่มหนึ่ง อีกกลุ่มหนึ่งแต่งตั้งจากสาขอาชีพต่างๆจะดีกว่า เพื่อเปิดทางให้คนเก่ง ดี มีความรู้ ความสามารถเข้ามา และต่อไปในอนาคตก็กำหนดให้มีการเลือกตั้ง ส.ว.ทั้งหมด

ที่ยกร่างมาไม่แน่ใจนายมีชัยยกร่างขึ้นมาด้วยความคิดเห็นส่วนตัว ด้วยความรู้หรือโดนบีบคั้น หากปล่อยให้รัฐธรรมนูญเป็นแบบนี้จะไปไม่รอด ต่างประเทศไม่ยอมรับ เพราะมีหลายประเด็นที่จะต้องแก้ไข

ขณะที่การบริหารงานของรัฐบาลและ คสช. ขอย้อนกลับไปในยุครัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ขอชมว่าท่านเป็นทหารที่ผ่านศึกมา ไม่ได้เป็นนักการเมือง แต่ใช้คนเป็นใช้มือบริหารที่โปร่งใส จนสามารถแก้วิกฤติเศรษฐกิจ แก้ปัญหาของบ้านเมืองจากที่จะล้มละลายให้หายได้

กำลังจะบอกว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ใช้คนไม่เป็น นายพิชัย บอกว่า ส่วนตัวไม่ชอบการล้มรัฐบาลด้วยการรัฐประหาร ซึ่งเป็นอุดมการณ์หลักของพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ก่อตั้งพรรค พรรคประชาธิปัตย์ต้องต่อต้านระบอบเผด็จการ ต่อต้านรัฐประหาร

ฉะนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารครั้งนี้ แต่เห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ที่จำเป็นต้องทำ แม้หัวใจไม่อยากจะทำ แต่ที่ต้องทำเนื่องจากทนนักการเมืองไม่ไหวที่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ยกขบวนมาเป็นแสนๆเผชิญหน้ากันกลางถนน ทั้งที่ควรจะทะเลาะกันในสภาผู้แทนราษฎร

เมื่อปฏิวัติสำเร็จแล้วกลับทำงานไม่เป็น ใช้คนไม่เป็น ตำแหน่งต่างๆที่อยู่รอบข้างล้วนเป็นนายพล แม้เหตุการเผชิญหน้าหยุดลง แต่ทั้งสองฝ่ายยังทะเลาะกันอยู่ และการแก้ปัญหาด้านอื่นไม่เดินหน้า

เศรษฐกิจแย่ จะฉิบหายได้ตราบใดที่การส่งออกยังเป็นแบบนี้ เศรษฐกิจของประเทศแย่ตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ผมไม่เคยถือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นศัตรูเลย
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ เขาเป็นคนดีและตั้งใจดี เสียอย่างเดียวการพูดกับผู้สื่อข่าว คนเป็นนายกฯ ควรให้ความเคารพเป็นพิเศษต่อวิชาชีพผู้สื่อข่าว ไม่อยากพูด ไม่อยากตอบคำถามก็เฉยๆ คนเป็นนายกฯ เป็นนักการเมืองยิ่งพูดมากยิ่งผิดมาก

ฉะนั้นสุดท้ายถ้าปล่อยให้การบริหารประเทศยังเป็นไปแบบนี้ประเทศจะไปไม่ไหว

อยากให้พรรคการเมืองปฏิรูปหรือพัฒนาอย่างไร เพื่อรองรับการปฏิรูปประเทศ นายพิชัย บอกว่า พรรคการเมืองในประเทศไทยต้องปฏิรูปทั้งหมด โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย

ในช่วงที่ 2 พรรคนี้ฟัดกันอยู่ สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ ผมได้เขียนลงสมุดบันทึกก่อนที่จะเสียชีวิตว่า เคยเรียกนายอภิสิทธิ์มาคุยที่บ้าน ถึงการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ความขัดแย้งไม่สามารถเขียนเป็นอักษรลงในรัฐธรรมนูญแล้วแก้ไขได้ ต้องลงมือปฏิบัติ

โดยกุญแจดอกสำคัญให้เริ่มต้นแก้ไขที่นายทักษิณ ในคดีที่ดินรัชดา ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินให้จำคุก 2 ปี โดยทำให้นายทักษิณยอมรับคำพิพากษาและกลับมาติดคุก จะติดกี่เดือนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนคดีอื่นไปสู้กันในชั้นศาล ถึงเวลานั้นเชื่อมั่นจะทำให้ขั้วขัดแย้งยอมรับกันได้

ถ้าทำสำเร็จนายอภิสิทธิ์และนายทักษิณจะเป็นฮีโร่ทันที ความขัดแย้งลดลง ไม่เกิดการปฏิวัติ แต่ถ้าไม่ดำเนินการตามนี้จะมีการปฏิวัติแน่

ฉะนั้นขอให้นายอภิสิทธิ์จัดเตรียมคุกดีๆ มีแอร์ เพื่อเตรียมรอรับนายทักษิณ และผมจะติดคุกเป็นเพื่อนนายทักษิณด้วย และขั้นต่อไปเมื่อมีโอกาสที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะขั้นตอนต่างๆได้ปรึกษาหารือผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไว้หมดแล้ว

จากนั้นได้เดินทางไปพบนายทักษิณยังประเทศสิงคโปร์ ก็ยอมรับในหลักการที่จะกลับมาติดคุก แต่นายทักษิณมีคำถามว่า จะรับประกันถึงความปลอดภัยอย่างไร โดยเฉพาะมีคนคอยจ้องยิง

จึงบอกไปว่าจะเดินทางไปรับด้วยตัวเอง กลับมาประเทศไทยพร้อมกัน ลงเครื่องบินปุ๊บห้ามเล่นละครจูบพื้นดินให้คนหมั่นไส้เหมือนคราวที่แล้ว ขอให้ทำตรงไปตรงมาแบบลูกผู้ชาย ห้ามให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว

และขึ้นรถไปโรงพยาบาลศิริราชพร้อมกัน เพื่อถวายบังคมต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ โดยกล่าวว่าข้าพเจ้าเคยเป็นนายกฯ จากบ้านเมืองไปนาน บัดนี้กลับมาเพื่อรับโทษตามที่ศาลฎีกาฯ ตัดสินไปแล้ว เสร็จแล้วไปเข้าคุกพร้อมกันจนกว่าจะมีพระราชทานอภัยโทษ

ทีมข่าวการเมือง ถามว่า เจรจาปรองดองครั้งนี้ล่มกลางคันเพราะอะไร นายพิชัย บอกว่า ตอนนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ผมก็บอกฉิบหาย แบบนี้ทำให้แนวนโยบายปรองดองที่เดินมาเสียหายหมด

ก็พยายามหาทางพบนายสุเทพให้ได้ เพื่อเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แต่นายสุเทพไม่ยอมรับสายโทรศัพท์เลย และอยากเขกกระบาลนายอภิสิทธิ์ที่ไม่ยอมรับแนวทางดังกล่าว

แต่กลับกลายเป็นว่าระดับคีย์แมนของพรรคเพื่่อไทย และยังให้คีย์แมนบางคนของพรรคเพื่อไทยไปปรึกษาคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยาของนายทักษิณด้วยว่ายอมรับแนวนี้ไปได้หรือไม่ ทุกคนเห็นด้วยตามแนวทางนี้

แนวทางนี้ต้องพับไปแล้ว ยังมีช่องทางการปรองดองอย่างไร นายพิชัย บอกว่า กลัวว่าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ และ คสช.จะอยู่ในอำนาจถึง 4 ปี หรือ 8 ปีหรือไม่ อันนั้นเป็นอีกเรื่อง ไม่ทราบ

แต่มาถึงวันนี้นายกฯ ควรวางตัวเสียใหม่ อย่าให้สัมภาษณ์แบบนี้ทุกวัน เพราะไม่ได้สร้างบรรยากาศการเมืองให้ดีขึ้นมา มีแต่จะทะเลาะกัน

นายกฯ ต้องริเริ่มปรองดอง เริ่มจากสร้างบรรยากาศอันอบอุ่นให้เกิดขึ้นในชาติและสร้างความรักชาติ

ก่อนเป็นคนกลางเปิดเจรจาปรองดอง.

ทีมการเมือง

Leave a comment