ไวรัส ‘ซิกา’ ลามเข้ายุโรปมากขึ้น เดนมาร์ก-สวิสเจอด้วย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/569164

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 28 ม.ค. 2559 05:00

 

(ภาพ: AP)

ไวรัส ซิกา ซึ่งทำให้ทารกเกิดมาพร้อมโรคศีรษะเล็กยังคงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อในประเทศเดนมาร์กและสวิตเซอร์แลนด์ โดยเป็นผู้เดินทางมาจากอเมริกาใต้ซึ่งไวรัสตัวนี้กำลังระบาดหนัก…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประเทศเดนมาร์กและสวิตเซอร์แลนด์กลายเป็น 2 ประเทศล่าสุดในทวีปยุโรป ที่มีการพบผู้ติดเชื้อไวรัส ‘ซิกา’ กลับจากการเดินทางเยือนประเทศในละตินอเมริกา ซึ่งกำลังพยายามอย่างหนักในการควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสชนิด ที่จะส่งผลให้ทารกแรกเกิดมีศีรษะเล็กผิดปกติ

โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยออร์ฮูส ในภาคตะวันออกของประเทศเดนมาร์ก เปิดเผยเมื่อคืนวันอังคารว่า ชายหนุ่มชาวเดนมาร์กซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากประเทศในทวีปอเมริกากลางและใต้ ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสซิกา แต่คาดว่าชายคนนี้จะหายดีในที่สุด

ขณะเดียวกัน สำนักงานสาธารณสุขกลาง เปิดเผยว่า นักเดินทางซึ่งเดินทางจากประเทศเฮติและโคลอมเบีย 2 คนซึ่งเดินทางเข้าสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถูกวินิจฉัยว่าติดไวรัสตัวนี้เช่นกัน แต่ทั้งคู่ไม่มีใครตั้งครรภ์หรือต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

ทั้งนี้ หน่วยงานเฝ้าระวังโรคในยุโรปเริ่มรายงานการพบไวรัสซิกามาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมี.ค. ปี 2015 แล้ว โดยประเทศเนเธอร์แลนด์ยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อ 10 ราย, ที่อังกฤษพบ 5 ราย โดยทั้งหมดเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากอเมริกาใต้ ส่วนที่ประเทศสเปน สถาบันโรคติดต่อแห่งชาติ สแปลลันซานี เผยว่าพบผู้ติดเชื้อซิกา 4 รายในเดือน มี.ค. 2015 ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของประเทศโปรตุเกสระบุว่า พบพลเมืองติดเชื้อตัวนี้ 4 รายเช่นกัน โดยทั้ง 8 คนเคยเดินทางไปยังประเทศบราซิล

ด้านสำนักงานสาธารณสุขสวีเดน ยืนยันในวันพุธที่ผ่านมาว่า มีผู้หญิงในเมืองสตอกโฮล์มได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อซิกา 1 รายเมื่อเดือนก.ค.2015 แต่เธอได้รับการรักษาและหายจากโรคแล้ว ที่ประเทศสเปน ทางการแคว้นคาตาโลเนียยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อซิกา 2 รายโดยทั้งคู่เป็นผู้หญิงชาวละตินอเมริกา อายุ 30 ปี และ 45 ปี ที่เดินทางมาท่องเที่ยวช่วงคริสต์มาสปี 2015 ทั้ง 2 คนไม่มีใครตั้งครรภ์และรักษาหายแล้ว

ทั้งนี้ ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสซิกา แพร่กระจายโดยมียุงลายเป็นพาหะ ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการคล้ายโรคหวัดและผื่นคันในผู้ใหญ่ แต่ผู้ติดเชื้อกว่า 70-80% จะไม่แสดงอาการ ทำให้โอกาสแพร่กระจายสูงขึ้น และหากเชื้อตัวนี้เข้าสู่หญิงมีครรภ์ก็มีโอกาสทำให้ทารกเกิดมาพร้อมกับโรคศีรษะเล็กเนื่องจากสมองเติบโตไม่เต็มที่.

Leave a comment