ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/575915
โดย คุณนิติ นวรัตน์ 12 ก.พ. 2559 05:01

Stamford University เชิญ ร.ต.อ. ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “Cross Cultural Management” ที่ Asoke Campus เสาร์พรุ่งนี้ 09.00-12.00 น. รับใช้นักศึกษาปริญญาโท หลักสูตร Business Administration และ Public Administration
อียิปต์มีพื้นที่ใหญ่โตมากกว่าไทย 2 เท่า มีประชากรมากถึง 86 ล้าน แม้ว่าจะมีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติบ้าง แต่อียิปต์ก็มีสถานะเป็นประเทศกำลังพัฒนา เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ อียิปต์ยังจน รายได้ ต่อหัวของประชากรก็ใกล้กับไทย คือ 6,600 เหรียญสหรัฐฯ (ไทย 5,647 เหรียญฯ) การเติบโตทางเศรษฐกิจก็ใกล้กัน อียิปต์ร้อยละ 2 ไทยร้อยละ 2.9
เดิมอียิปต์มีรายได้มากจากการท่องเที่ยว เพราะมีทรัพยากรการท่องเที่ยวทางโบราณคดีสูง แต่ตอนหลังมีประท้วงและการก่อการร้าย ทำให้นักท่องเที่ยวโลกแขยงแขงขนที่จะไปเยือน อียิปต์จึงกลายเป็นประเทศที่ติดล็อกทั้งการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ
ประธานาธิบดีอียิปต์คนปัจจุบันคือนายอับเดล ฟัตตอห์ อัล-ซิซิ และนายกรัฐมนตรีคือนายอิบราฮิม มาห์ลับ สองคนนี่ชอบพูดจาปราศรัยเอาใจคนจน โม้ว่าจะช่วยคนจนอย่างโน้น คุยว่าจะพัฒนาที่พักสำหรับคนจนอย่างนี้ แต่ทางปฏิบัติกลับงดเงินอุดหนุนเพื่อประหยัดงบประมาณ เช่น เลิกสนับสนุนค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้าแก่ครอบครัวชาวอียิปต์ที่มีรายได้น้อย ผู้บริหารประเทศของอียิปต์ชอบสร้างวาทกรรมเกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัด แต่ก็เป็นแต่เพียงคำพูดครับ ในทางปฏิบัตินั้นกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
เสาร์ 6 กุมภาพันธ์ 2559 ประธานาธิบดีไปเปิดโครงการที่พักอาศัยสำหรับคนจนย่านชานกรุงไคโร+ปราศรัยเรื่องความจำเป็นที่จะตัดลดการอุดหนุนของรัฐบาลเพื่อความประหยัด แต่ขบวนรถของประธานาธิบดีอียิปต์ที่จะไปกล่าวปราศรัยและตรวจเยี่ยมโครงการคนยากคนจนนั้น กลับวิ่งไปบนถนนที่มีพรมแดงมาลาดปูทั้ง 4 กิโลเมตร ดูจากคลิปก็รู้เลยครับว่า เฉพาะค่าพรมแดงนี่ ก็ต้องหมดเงินไปหลายแสนบาท
มีการวิจารณ์กันเยอะครับ เรื่องผู้นำอียิปต์ปากว่าตาขยิบ เพราะปากของประธานาธิบดีชอบพร่ำเพ้อละเมอวลี “เราต้องประหยัด” “ท่านโปรดประหยัด” ฯลฯ แต่ความเป็นจริง ข้าราชการอียิปต์ใช้เงินไปกับพิธีการที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เยอะมาก
อียิปต์เป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งเอามาเป็นกรณีตัวอย่างของประเทศที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวมากมายหลากหลาย แต่ผู้คนในประเทศไม่ช่วยกันประคองภาพลักษณ์ การท่องเที่ยวจึงแย่ลง ครอบครัวผมเคยต้อนรับเจ้าของบริษัททัวร์ใหญ่ของอียิปต์ ที่ท่านสารภาพว่า ภายในเวลาไม่กี่ปีที่สถานการณ์การเมืองในประเทศสับสนอลหม่าน นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการของบริษัทของท่านลดลงไปเกิน 60% จนวันนี้บริษัทของท่านต้องปิด
ญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างที่รัฐบาลเกาะแนวโน้มโลกด้านการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลแห่งชาติ เป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้วครับ ที่เทศบาลหลายแห่งของญี่ปุ่นเชิญคุณพ่อและน้องๆ ของผมไปเยือน หลังจากให้ตระเวนดูจนครบจบแล้ว ก็จะมีการประชุมวงเล็ก ถามความเห็นว่า การท่องเที่ยวในเทศบาลของเราต้องพัฒนาปรับปรุงอะไรบ้าง ขนมและอาหารของเราเป็นอย่างไรบ้าง ฯลฯ
เมื่อการท่องเที่ยวโลกบูมตูมตามนำความมั่งคั่งมาสู่ประเทศต่างๆ รัฐบาลญี่ปุ่นก็พยายามลดเงื่อนไขการเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศของตนลง ที่เห็นเด่นชัดที่สุดก็คือ การยกเว้นวีซ่าให้กับผู้คนจากหลายประเทศ วีซ่าเพียงเรื่องเดียวทำให้นักท่องเที่ยวเข้าญี่ปุ่นเพิ่มจากตัวเลขเดิมไม่กี่ล้านกลายเป็นสูงถึง 20 ล้าน
ตอนนี้ ที่ญี่ปุ่นมีการประกาศมาอีกแล้วว่า สายการบินออล นิปปอน แอร์เวย์ และเจแปนแอร์ไลน์ 2 สายการบินใหญ่จะยกเลิกเก็บค่าเชื้อเพลิงตั้งแต่เดือนเมษายน 2559 นี้เป็นต้นไป เหตุผลที่ประกาศมาก็คือ “เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง”
เรื่องนี้ทำให้ราคาตั๋วสายการบินของญี่ปุ่นถูกลง และจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมากขึ้น ผู้คนที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นต่างแฮปปี้มีความสุขกับนโยบายการเลิกเก็บค่าเชื้อเพลิง
ผู้อ่านท่านลองเทียบสถานการณ์การท่องเที่ยวของอียิปต์กับญี่ปุ่น
แม้ว่าอียิปต์จะมีทรัพยากรการท่องเที่ยวดี แต่ผู้นำและผู้คนที่นั่นขยันทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ การท่องเที่ยวจึงแย่ลง
ผิดกับญี่ปุ่นที่พยายามเอื้อต่อการให้เข้าไปท่องเที่ยวในประเทศของตนได้ง่ายขึ้น การท่องเที่ยวญี่ปุ่นจึงดีวันดีคืน.
คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand