ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/579987
โดย บวร โทศรีแก้ว 21 ก.พ. 2559 05:01

ต้านคิมแดง–กลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านเกาหลีเหนือ เผาแผ่นป้ายรูปนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ระหว่างการชุมนุมที่กรุงโซล เพื่อประท้วงที่เกาหลีเหนือทดสอบระเบิดนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยไกล (เอเอฟพี)
ตั้งแต่เกาหลีเหนือทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 อ้างว่าเป็น “ระเบิด ไฮโดรเจน” เมื่อ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นก็ทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลอีกเมื่อ 7 ก.พ. ทั้งสหรัฐฯ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และพันธมิตรต่างเต้นเร่าๆ งัดมาตรการต่างๆมาลงโทษ “โสมแดง” หนักยิ่งขึ้น
สหรัฐฯ และญี่ปุ่นสั่งคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพิ่มเติม ส่วนเกาหลีใต้ระงับการทำธุรกิจที่ “นิคมอุตสาหกรรมร่วมแกซอง” ในเกาหลีเหนือ เพื่อตัดแหล่งรายได้สำคัญ แต่จะ “สยบ” โสมแดง หนึ่งในชาติที่ยากจนที่สุดและพึ่งพาการค้าน้อยที่สุดในโลกได้หรือไม่ ยังน่าสงสัย เพราะโสมแดงยังใช้ช่องทางหายใจอื่นๆอีกหลายทาง!
เศรษฐกิจของเกาหลีเหนือลึกลับมาตลอด เพราะเจ้าตัวแทบไม่เผยสถิติด้านการค้าการคลังของตน แต่จากข้อมูลของ “ธนาคารกลางเกาหลีใต้” ซึ่งรวบรวมจากหลายภาคส่วน พอจะทำให้มองเห็นภาพได้รางๆ
แบงก์ชาติโสมขาวเริ่มเผยแพร่การประเมินเศรษฐกิจโสมแดงตั้งแต่ พ.ศ.2544 รายงานล่าสุดในปี 2557 เชื่อว่าเศรษฐกิจเกาหลีเหนือเติบโตราว 1% มีมูลค่า 28,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือแค่ 2% ของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ โดยมูลค่ารวมการนำเข้าและส่งออกของเกาหลีเหนืออยู่ที่ราว 9,900 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งการค้ากับเกาหลีใต้ราว 2,400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากนิคมร่วมแกซองนั่นเอง
กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ระบุว่า ตั้งแต่ก่อตั้งใน พ.ศ.2547 เกาหลีเหนือมีรายได้เป็น เงินสดจากนิคมแกซองราว 560 ล้านดอลลาร์ เฉพาะ ปีที่แล้วราว 120 ล้านดอลลาร์ โดยบริษัทเกาหลีใต้กว่า 120 บริษัทที่ไปตั้งโรงงานที่แกซองจ้างคนงานชาวเกาหลีเหนือถึง 54,000 คน ให้เงินเดือนเฉลี่ย 150 ดอลลาร์ (5,250 บาท) ต่อคน ส่วนสินค้าที่ผลิตรวมทั้งเสื้อผ้า นาฬิกาข้อมือ เครื่องสำอาง ชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์
เกาหลีใต้กล่าวหาว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือชักเงินรายได้ของคนงานในนิคมแกซองถึง 70% ไปใช้ในโครงการนิวเคลียร์ ขีปนาวุธ และซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยให้คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุด เพราะบริษัทเกาหลีใต้ไม่ได้จ่ายค่าจ้างให้คนงานโดยตรง แต่จ่ายให้รัฐบาลเกาหลีเหนือเป็นเงินสกุลดอลลาร์ จากนั้นรัฐบาลถึงจะจ่ายค่าจ้างให้คนงานเป็นเงินสกุลวอนเกาหลีเหนือที่กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นมาเอง จึงชักส่วนแบ่งส่วนต่างได้มหาศาล
เกาหลีเหนือยังมีรายได้หลักอีกทางจากการ “ส่งออกแรงงาน” โดยผู้เชี่ยวชาญต่างชาติระบุว่าตั้งแต่กลางคริสต์ทศวรรษ 2000 เกาหลีเหนือส่งคนไปทำงานต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสำนักงานส่งเสริมการค้าการลงทุนของเกาหลีใต้ประเมินว่า มีแรงงานโสมแดงราว 60,000-100,000 คน ทำงานอยู่ใน 40 ประเทศทั่วโลก

ส่วนรายงานของมาร์ซูกิ ดารุสมาน ทูตพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นปีที่แล้วระบุว่า มีคนงานโสมแดงทำงานในต่างประเทศกว่า 50,000 คน ส่วน ใหญ่ไปทำงานในร้านอาหารในจีนและชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ งานก่อสร้างในรัสเซีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ ทำรายได้เข้าประเทศ 1,200-2,300 ล้านดอลลาร์ต่อปี
รัฐบาลเกาหลีเหนือยังพยายามหารายได้จากการท่องเที่ยว ด้วยการตั้งเขตท่องเที่ยวพิเศษและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง โดยเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเผยว่า ในปี 2557 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติไป เกาหลีเหนือราว 100,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมคือ “ภูเขากุมกัง” หรือ “ภูเขาเพชร” ซึ่งเดิมทีชาวเกาหลีใต้ก็นิยมไปเที่ยว ก่อนถูกระงับในปี 2551 หลัง รปภ.เกาหลีเหนือยิงสตรีเกาหลีใต้เสียชีวิต
ส่วนสหรัฐฯเตือนมาตลอดไม่ให้คนไปเที่ยวเกาหลีเหนือ ยิ่งหลังการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ล่าสุด สหรัฐฯ ยังผลักดันให้มีการคว่ำบาตรการท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือ รวมทั้งพยายามห้ามสายการบินแห่งชาติ “คอร์โย” ซึ่งเป็นสายการบินบุโรทั่งหนึ่งเดียวของ โสมแดงบินเข้าออกประเทศต่างๆ
แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การคว่ำบาตรไม่อาจต้อนโสมแดงให้จนตรอกได้ ตราบใดที่ “จีน” พันธมิตรเก่าแก่และคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของโสมแดงไม่ร่วมมือด้วยอย่างเต็มที่ เพราะการค้ากับจีนมีอัตราสูงกว่า 74% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของเกาหลีเหนือในปี 2557 และถ้าไม่นับการค้าที่เกี่ยวข้องกับนิคมแกซอง จะมีมูลค่ากว่า 90% ทีเดียว
สินค้าส่งออกหลักของเกาหลีเหนือไปจีนคือถ่านหิน สินแร่ เสื้อผ้า สิ่งทอ ทำรายได้สูงกว่าที่ได้จากแกซองกว่า 20 เท่า ส่วนสินค้านำเข้าจากจีน รวมทั้งก๊าซปิโตรเลียม เหล็ก เครื่องจักร รถยนต์ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์
จนถึงบัดนี้ก็ยังมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จีนจะร่วมคว่ำบาตรทางการค้าต่อเกาหลีเหนืออย่างรุนแรง เพราะกลัวว่าจะทำให้เศรษฐกิจเกาหลีเหนือล่มสลาย เกิดกลียุค ผู้ลี้ภัยหลายล้านคนทะลักเข้าสู่จีน ดังนั้น แม้จะไม่สบอารมณ์ในความก้าวร้าว จีนจะอุ้มกระเตงโสมแดงต่อไป
ส่วนพวก “ฮาร์ดคอร์” ที่เชียร์ให้สหรัฐฯ และพันธมิตรชิงโจมตีแหล่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของโสมแดง เหมือน “อิสราเอล” ส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดถล่มเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ “โอซิรัค” ของอิรัก ใน พ.ศ.2524 นั้น ก็ยากที่จะเกิดขึ้น เพราะมีความ เสี่ยงสูงที่โสมแดงจะบ้าเลือด โจมตีเกาหลีใต้ตอบโต้
ประชากรเกาหลีใต้เกือบครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 49 ล้านคน อาศัยอยู่ในหรือรอบๆกรุงโซล ซึ่งห่างจากชายแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ แค่ 50 กม. อยู่ ในพิสัยปืนใหญ่หรือจรวดของโสมแดง ถ้าระดมยิงต้องตายกันเป็นเบือ
แม้ชาวเกาหลีเหนือจะทุกข์ยากแสนสาหัสจากการคว่ำบาตร แต่ผู้นำโสมแดงดูไม่ยี่หระและยังคิดว่าตนถือไพ่เหนือกว่า โดยใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นเครื่องมือข่มขู่ ถึงขั้นเรียกร้องให้สหรัฐฯ และพันธมิตรยอมรับว่าตนเป็นหนึ่งใน “มหาอำนาจนิวเคลียร์” แล้ว และต้องเจรจากันโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานดังกล่าว
ดูๆแล้วถ้าจีนไม่ตัดหางปล่อยวัด โสมแดงจะยังแสบซ่า…ท้าทายประชาคมโลกต่อไปไม่จบสิ้น!
บวร โทศรีแก้ว