จับตาวิบากกรรมมส. ตะแบงอุ้มธัมมชโย?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/201941

วันศุกร์ ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 06.00 น.
นี่ขนาดธัมมชโย เจ้าสำนักจานบินทำผิดทั้งต่อพระธรรมวินัยและทำผิดกฎหมายบ้านเมืองอย่างร้ายแรงทั้งเผยแพร่ลัทธิที่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ยักยอกเงินวัดมาเป็นของตัวเองจนพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาตั้งแต่เมื่อปี 2542 ให้ปาราชิกพ้นความเป็นพระและล่าสุดธัมมชโยกำลังจะถูกฟ้องฐานร่วมขบวนการฟอกเงินคดีที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร คนสนิท
ธัมมชโยยักยอกเงินฝากเหล่าคนชรากว่า 16,000 ล้านบาท แล้วเล่นแร่แปรธาตุโอนเงินส่วนหนึ่งเข้าบัญชีธัมมชโยและสำนักธรรมกาย แต่ล่าสุดมหาเถรสมาคม(มส.) ซึ่งมีสมเด็จช่วงเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ พระอุปัชฌาย์ของธัมมชโยเป็นประธานก็มีมติส่อตะแบงอุ้มธัมมชโยโดยไม่สนใจผิดถูกชั่วดี สวรรค์หรือนรก ซึ่งนั่นเป็นเส้นทางที่มส.เลือกและอาจต้องรับผลกรรมที่จะตามมา

ความจริงแล้ว ธัมมชโย พ้นจากความเป็นพระทันทีตั้งแต่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ มีพระบัญชาเมื่อปี 2542 แต่ มส.ภายใต้การนำของ สมเด็จช่วง ส่อเจตนาขัดพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช และอย่างที่ นายชูชาติ ไตรประสิทธิ์อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ให้ความเห็นว่า กรณี ธัมมชโย แม้จะยอมคืนเงินเกือบ 1,000 ล้านบาทที่ยักยอกไปหลังถูกจับได้ แต่ยังถือว่าความผิดสำเร็จแล้วจะอ้างว่าโกงแล้วคืนไม่ผิดไม่ได้ แต่ที่สำคัญในทางพระธรรมวินัยถือว่าปาราชิกพ้นความเป็นพระไปแล้ว

แต่ในเมื่อมส.ไม่เลือกทางสวรรค์ส่อตะแบงอุ้มธัมมชโย โดยตะแบงอ้างโกงแล้วคืนไม่ผิดก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)จะดำเนินการอย่างไรกับ มส.และสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้ยื่นเรื่องถึงมส.และพศ.ให้ทำตามพระบัญชาของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ

ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) และ นพ.มโน เลาหวณิช อดีตกรรมการปฏิรูปฯ แถลงก่อนหน้านี้ว่าหาก มส.ยังเพิกเฉยด้วยการอุ้ม ธัมมชโย ก็จะฟ้องดำเนินคดีอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่

สำหรับ สมเด็จช่วง ก็กำลังเผชิญวิบากกรรมไม่น้อยไปกว่า ธัมมชโย ผู้เป็นลูกศิษย์เพราะดีเอสไอเตรียมแถลงผลการตรวจสอบรถเบนซ์โบราณหรูที่สะสมอยู่ในพิพิธภัณฑ์วัดปากน้ำ ซึ่งพบการทำผิดกฎหมายหลายประการทั้งการหลบเลี่ยงภาษีและทำเอกสารจดประกอบรถเท็จ

แต่ที่สำคัญรถเบนซ์คันดังกล่าวมีข่าวลือสะพัดว่ามีสมเด็จช่วงเป็นเจ้าของซึ่งหากเป็นความจริงงานนี้อาจถือเป็นกฎแห่งกรรมทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ ขณะที่พุทธศาสนิกชนจำนวนไม่น้อยต้องการให้มีการสังคายนาปฏิรูปวงการสงฆ์ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอำนาจบทบาทและโครงสร้างมส.ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าซ่อนไว้ด้วยเรื่องผลประโยชน์ในคราบผ้าเหลือง รวมทั้งรื้อ พ.ร.บ.สงฆ์ปัจจุบัน
ที่ถูกแก้ไขในยุคระบอบแม้วเรืองอำนาจโดยเฉพาะประเด็นการลิดรอนพระราชอำนาจในการตั้งสมเด็จพระสังฆราช และถ่ายโอนอำนาจมาให้มส.ที่ถูกมองว่าเป็นร่างทรงของลัทธิจานบินอันเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นกับระบอบแม้วที่ต่างมีเป้าหมายหวังผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment