ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/572406
โดย ทีมข่าวการเมือง 4 ก.พ. 2559 05:01

“ผมน่ะไร้ค่า”
ประโยคทิ้งท้ายก่อนที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคสช. จะกระชากสคริปต์กระดาษ ตบโพเดียมจนแว่นตากระเด็น
เป็นอารมณ์ต่อเนื่องจากอาการ “ต่อมฉุนอักเสบ” ตลอดทั้งวัน
มันบ่งบอกเบื้องลึกของผู้นำรัฏฐาธิปัตย์กำลังเกิดอาการ “น้อยใจ” อย่างแรง
แน่นอนถ้าเป็นอย่างบทสรุปเบื้องต้นที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์โมโหแกมน้อยใจสื่อที่ถามแต่เรื่องร่างรัฐธรรมนูญ เร่งวันเร่งคืนให้เลือกตั้ง เหมือนอยากให้รัฐบาลทหารคสช.พ้นไปไวๆ
มันก็ไม่น่าจะออกแอ็กชั่นแรงอะไรมากมายแบบที่คนตะลึงกันทั้งบ้านทั้งเมือง ในเมื่อปมรัฐธรรมนูญกับเลือกตั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ นักข่าวก็ตั้งคำถามรูทีนประจำทุกวัน
มันน่าจะชินเป็นปกติอยู่แล้ว
เรื่องของเรื่อง สังเกตแววตา อากัปกิริยา ด้วยอาการ “ต่อมฉุนอักเสบ” ขนาดนี้ มันน่าจะมีปมที่กดดันภายในจิตใจมากกว่าการน้อยใจนักข่าวที่เป็นแค่กระโถนให้ระบายอารมณ์ “กระฉอก” น่าจะเก็บกดจากปมคนวงในใกล้ชิดด้วยกันมากกว่า
ตามสูตรทำอะไรไม่ได้ ก็มาลงกับสื่อมวลชน
ที่แน่ๆโดยปรากฏการณ์ที่เห็นกัน ณ วันนี้ โดยอาการมันชัดเจนเลยว่า พล.อ.ประยุทธ์มาถึงจุดที่ชักจะทนต่อแรงกดดันต่อไปไม่ไหว
ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่ตอกย้ำกระแสการเลือกตั้งที่เป็นทางออกตามฟอร์มทางการเมืองทั่วไป
อีกทั้งจากการยืนยันของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือการที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขอปรับสูตรใหม่จาก 6–4–6–4 เป็น 6–4–8–5 ยืดเวลาออกไป
การเลือกตั้งก็ยังอยู่ในกรอบโรดแม็ปคือปี 2560
และนั่นก็ไม่แปลกที่นักเลือกอาชีพจะขยับเตรียมพร้อมลงสนามกันตั้งแต่ตอนนี้
อย่างล่าสุดที่ “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มเสื้อแดง นปช. เปิดปฏิบัติการปูด “ทฤษฎีกองผ้าป่า” อ้างเลยว่าตลอดปีที่ผ่านมามีการดึงนักเลือกตั้ง อดีต ส.ส.กลุ่มละ 10 คน หลายกลุ่ม เพื่อให้ได้พรรคขนาดเล็กหลายพรรคในการเลือกตั้ง นำไปสู่การตั้งรัฐบาลหลายพรรค
เพื่อทำให้เป็นอุปสรรคในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ดักคอการวางหมากอำนาจของฝ่ายต้าน “ทักษิณ”
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ล้อกับข่าววงในที่เช็กไปในหมู่บิ๊กท็อปบูตที่แรกๆมีข่าวต่อสายกับนักเลือกตั้งอาชีพระดับขาใหญ่ ต่างบอกปัดการตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่ใช้ต้นทุนสูง ไม่คุ้มค่าความเสี่ยง
ถึงตอนนี้พรรคนอมินีทหาร พรรคขั้วที่สาม พับแผนกันหมด
และที่ชัดเจนที่สุด ก็คือปฏิบัติการกลับไป “ยึดที่มั่นเดิม”
ตามจังหวะการเคลื่อนไหวอย่างร้อนแรงของ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ ที่แตะมือกับ “คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ที่เริ่มต้นในการจุดพลุไปตั้งพรรคการเมืองใหม่เพื่อรองรับโครงสร้างอำนาจตามสูตรท็อปบูต
แต่ภายหลังกระแสพลิกกลับไปที่การตั้งธงยึดพรรคประชาธิปัตย์แรงกว่า อย่างที่ชื่อของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะถูกดันเสียบแทน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค แต่เข็นไม่ขึ้น ก็มีชื่อของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน โผล่มาเป็นแคนดิเดต
ตอกย้ำธงของสาย “ลุงกำนัน” มุ่งไปที่การลุยยึดประชาธิปัตย์
“รีโนเวต” พรรคเก่าแทนแผนไปตั้งป้อมค่ายใหม่
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มาถึงตรงนี้เก้าอี้หัวหน้าประชาธิปัตย์ไม่ได้เซ้งกันง่ายๆ
ตามปรากฏการณ์อย่างที่ทีมงาน “อภิสิทธิ์” กล้าเดินหน้าหักดิบ เปิดแถลงข่าวตัดหาง “คุณชายสุขุมพันธุ์” สวนหมัดเกมยึดเก้าอี้ทันที
ไม่สนบารมี “ลุงกำนัน” จะทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน
นั่นก็เพราะเบื้องหลังของหัวหน้า “แก๊งไอติม” ได้มวยรุ่นใหญ่อย่างนายหัวชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา กับ “น้าหยัด” บัญญัติ บรรทัดฐาน แท็กทีมกันถือหาง “อภิสิทธิ์” บล็อกการบุกยึดพรรคของกองทัพ กปปส.
“รุ่นเดอะ” ซัดกัน ประชาธิปัตย์ไม่เคยผิดหวังเรื่องความมัน.
ทีมข่าวการเมือง