เมื่อสมเด็จช่วงเต็มไปด้วยมลทิน เหมาะหรือไม่ขึ้นเป็นสังฆราช?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/203106

วันศุกร์ ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.

คำแถลงอย่างละเอียดของทีมพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอที่นำโดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ในกรณีรถเบนซ์ผิดกฎหมายที่ครอบครองและใช้ชื่อของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ประธานมหาเถรสมาคม(มส.)และเป็นผู้ที่ขบวนการสำนักจานบินและระบอบทักษิณพยายามผลักดันให้ขึ้นเป็นสังฆราชองค์ใหม่คงทำให้พุทธศาสนิกชนทั้งประเทศได้หูตาสว่าง และคงเกิดปัญญาที่จะพิเคราะห์ได้ว่า สมเด็จช่วงมีความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหนที่จะขึ้นเป็นประมุขสงฆ์องค์ใหม่

ทีมพนักงานสอบสวนของดีเอสไอแถลงข้อมูลหลักฐานได้อย่างชัดแจ้งว่ารถเบนซ์โบราณราคาหลายล้านบาทซึ่งเก็บสะสมไว้ในพิพิธภัณฑ์รถโบราณภายในวัดปากน้ำคันดังกล่าว เป็นรถผิดกฎหมายในหลายข้อหาหลายขั้นตอน อาทิ เลี่ยงภาษี ลักลอบนำชิ้นส่วนอุปกรณ์จากนอกประเทศเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย และอำพรางการทำผิดกฎหมายด้วยวิธีการยอกย้อน

แม้คดีนี้ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด และ สมเด็จช่วง อาจแก้ต่างได้ว่าได้รับรถเบนซ์โบราณมาโดยไม่รู้ว่าเป็นรถผิดกฎหมาย ซึ่งความจริงก็คือรถโบราณ
คันดังกล่าวแต่เดิมเสียใช้การไม่ได้ แต่มีการใช้เงินหลายล้านบาทสั่งซื้ออุปกรณ์หายากจากต่างประเทศ รวมทั้งจ้างอู่รถภายในประเทศทำการประกอบเพื่อให้ใช้การได้ คำถามก็คือใครจ่ายเงินหลายล้านบาทเพื่อซ่อมรถโบราณหรูคันนี้ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของ สมเด็จช่วง เพราะข้อสงสัยก็คือ เป็นไปได้หรือไม่ที่บรรดาคนใกล้ชิดของ สมเด็จช่วงดำเนินการซ่อมตบแต่งรถเองพลการโดยไม่ได้รับคำสั่งจาก สมเด็จช่วง ซึ่งมีข่าวว่าชอบสะสมรถและของโบราณ

แม้จะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า รู้เห็นกับการซ่อมตบแต่งรถเบนซ์โบราณหรูด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมาย แต่ก็เป็นรอยมลทินสำหรับ สมเด็จช่วง ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากคนบางกลุ่มให้ขึ้นเป็นพระสังฆราช

อีกรอยมลทินหนึ่งซึ่งมีความสำคัญยิ่งกว่าการครอบครองรถเบนซ์โบราณอย่างผิดกฎหมายของ สมเด็จช่วง ก็คือ การที่ส่อเจตนาปกป้อง ธัมมชโยเจ้าลิทธิจานบิน ซึ่ง สมเด็จช่วง เป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ ทั้งๆ ที่เป็นการขัดต่อพระบัญชาของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ที่เคยชี้ชัดตั้งแต่เมื่อปี 2542 ว่า ธัมมชโย ปาราชิกพ้นความเป็นพระเพราะทำผิดพระธรรมวินัยร้ายแรงทั้งยักยอกทรัพย์สินวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัวเกือบ 1,000 ล้านบาทและเผยแพร่ลัทธิอุบาทว์ขัดพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า รวมทั้งล่าสุดกำลังจะถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินและรับของโจรคดีที่คนใกล้ชิดโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นแล้วเล่นแร่แปรธาตุโอนเงินสกปรกเบื้องต้นกว่า 2,000 ล้านบาท เข้าบัญชี ธัมมชโย และแก๊งในสำนักจานบิน

ทั้งนี้สงฆ์แท้ต้องละแล้วซึ่งเลสและความอยากทั้งปวง และต้องมีหิริโอตตัปปะละอายต่อบาปยิ่งพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่จะขึ้นเป็นพระสังฆราชยิ่งต้องยึดมั่นในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดเหนือสงฆ์ทั่วไป และต้องมีจริยวัตรที่สะอาดงดงามไม่มีมลทินด่างพร้อย แต่สำหรับสมเด็จช่วง นั้นเป็นคำถามที่พุทธศาสนิกชนที่มีจิตใจสะอาดรู้เท่าทันโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังแอบแฝงคงใช้วิจารณญาณตอบคำถามได้เองว่า สมควรขึ้นเป็นประมุขสงฆ์องค์ใหม่หรือไม่

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment