ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/582115
โดย คุณนิติ นวรัตน์ 26 ก.พ. 2559 05:01

ผมตามกระแสในโซเชียลมีเดีย มีผู้คนจำนวนไม่น้อยสนทนากันถึงเรื่องจะไปทำบัตรประชาชนใหม่ เพื่อแสดงว่า ตนเป็นผู้ไม่นับถือศาสนาใด ซึ่งกระแสไม่มีศาสนา กำลังเป็นกระแสโลกครับ ในต่างประเทศมีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆที่ประกาศตนไม่มีศาสนา
ในโซเชียลมีเดียมีการอรรถาธิบายขยายความเรื่องการไม่นับถือศาสนามากมายหลายรูปแบบ แต่ที่คนสนใจกันมากหน่อย ก็เห็นจะเป็นคำอธิบายการไม่นับถือศาสนา 7 แนวทางหลักของ ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ ซึ่งพอตัดมาได้สั้นๆ ดังนี้
1. Atheism อเทวนิยม (เชื่อว่าอาจมีหรือไม่มีวิญญาณเหนือ ธรรมชาติ แต่ไม่มีพระผู้สร้างและผู้ควบคุม) 2.Agnosticm หรือ Undecided อไญยนิยม (เชื่อว่าอาจมีหรือไม่มีสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่ไม่อาจรู้ได้ หรือมีอีกแง่ว่า ไม่ตัดสินใจ) 3.Deism เทวนิยม (เชื่อว่ามีวิญญาณที่เหนือธรรมชาติ พระผู้สร้างผู้ควบคุมที่เป็นบุคคล แต่ไม่ระบุว่าเป็นพระองค์ใด และมีหนึ่งเดียว หรือมีมากมาย)
4. Skeptism ศาสนวิมตินิยม (เชื่อว่าความศรัทธาเชิงศาสนายังเป็นสิ่งที่น่าสงสัยอย่างไม่สิ้นสุด) 5. Secular Humanism โลกีย มนุษยนิยม (เชื่อว่าไม่ว่าจะมีวิญญาณเหนือธรรมชาติหรือไม่ มนุษย์เองก็มีความสามารถในการดำรงอยู่ได้ และชี้ผิดชี้ถูกผิดได้ด้วยตนเอง) 6.Multifaith หรือ Multi-Religion สหศรัทธา (เชื่อว่ามีความจริงอยู่ในศาสนาต่างๆ ซึ่งใช้ความผสมผสานร่วมกันได้) และ 7.Anti-Religionism หรือ Counter-Religion ศาสนา-ปฏิปักษ์นิยม (การต่อต้านศาสนา ไม่เพียงแต่ไม่เชื่อเท่านั้น)
สังคมไทยกำลังสับสนในศรัทธาแห่งศาสนา ความสับสนนี้มา จากการโจมตีกันอย่างแรงระหว่าง 1.พุทธ-พุทธ 2.อิสลาม-อิสลาม และ 3.พุทธ-อิสลาม
ขณะนี้มีคนปั่นกระแสเกลียดกลัวอิสลาม มีการกล่าวหาหลาย อย่าง เช่น มุสลิมกำลังวางแผนขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญในราชการ ขอให้ ชาวพุทธช่วยกันสกัดกั้น ไม่เช่นนั้น เมื่อข้าราชการระดับสูงเป็นชาวมุสลิมแล้ว พวกเราคนพุทธจะอยู่กันไม่ได้ เราจะสิ้นศาสนา
คนที่ได้อ่านข้อความปลุกระดมก็เออออห่อหมกจนเริ่มกลายเป็นหนึ่งในกระแสความขัดแย้งหลักของประเทศไปเสียแล้ว
แท้ที่จริง กลุ่มข้าราชการระดับสูงสุดของไทย เป็นมุสลิมมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อเนื่องยาวนาน 400 ปีแล้วครับ และผมก็ไม่เห็นว่า ศาสนาพุทธของเราจะสูญหายไปจากประเทศไทยตอนไหน
สมัยพระเจ้าทรงธรรม ชาวอิหร่าน ผู้นับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์คนหนึ่ง ก็ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นพระยาเฉกอะหมัดรัตนราชเศรษฐี เจ้ากรมท่าขวา ต่อมาในรัชสมัยของพระเจ้าปราสาททอง ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มุสลิมผู้นี้เป็นเจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) เมื่อท่านล้มป่วยหนัก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้เสด็จไปเยี่ยมไข้ท่าน เจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) ถึงแก่อสัญกรรมเมื่ออายุ 88 ปี เจ้าพระยาอภัยราชา (ชื่น) มุสลิมผู้เป็นบุตรชายได้จัดการแห่ศพบิดาไปฝัง ณ ป่าช้าแขกที่บ้านท้ายคู้ ปัจจุบันก็คือในบริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
เจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) มุสลิมชีอะห์ท่านนี้แหละครับ คือต้นตระกูลบุนนาค เชื้อสายของท่านเป็นข้าราชการระดับท็อปสุดของสยามมานานติดต่อกันหลายร้อยปี ต่อมามีสมาชิกในสายสกุลบางส่วนหันมานับถือศาสนาพุทธ
สมัยสมเด็จพระนารายณ์ พระองค์ก็ทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งมุสตอฟา มุสลิมซุนนีย์เป็นพระยาไชยา มีราชทินนามว่าพระยาพิชิตภักดีศรีพิชัยสงคราม น้องชายของท่าน คือ หะซัน ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นพระยาราชบังสัน (หะซัน) ว่าที่แม่ทัพเรือ ผู้สืบสกุลจากท่านก็ได้ตำแหน่งนี้มาต่อเนื่องยาวนานตลอดระยะเวลาของกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี จนมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4
ผมมีรายนามของมุสลิมที่รับราชการระดับสูงสุดของประเทศ เป็นเจ้าพระยา พระยา ฯลฯ จำนวนมาก และถ้าจะว่ากันไปแล้ว มุสลิมสยามทั้งชีอะห์และซุนนีย์ก็เข้ามาทำมาหากินในแผ่นดินไทยอย่างมีหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยมาจนถึงปัจจุบัน
คนกลุ่มใหญ่ที่เขียนข้อความในโซเชียลมีเดียขับไล่ไสส่งมุสลิมให้ออกไปจากประเทศไทย ท่านคงไม่รู้ดอกกระมังว่า ศึก สงครามที่เรารบรันพันตูกับอริราชศัตรูมายาวนาน 300–400 ปีในอดีตนั้น แม่ทัพนายกองของไทยจำนวนไม่น้อยนับถือศาสนาอิสลาม
มาช่วยกันขจัดปัดเป่าความขัดแย้งและทำให้ไทยเป็นแผ่นดินที่พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ ซิกข์ รวมทั้งผู้ไม่นับถือศาสนา อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขที่แท้จริงเถิดครับ อย่าทำให้แผ่นดินนี้ลุกเป็นไฟ.
คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand