ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/585998
โดย ตติกานต์ เดชชพงศ 5 มี.ค. 2559 05:01

ทุกครั้งที่เกิดปัญหา “ข้าวยากหมากแพง” ก็มีแนวโน้มสูงที่คนในสังคมจะพร้อมใจ “รัด เข็มขัด” และหันไปบริโภคสินค้าราคาถูกเพื่อบริหารต้นทุนทางการเงินที่มี และพฤติกรรมการ บริโภคอาหารราคาถูกก็ส่งผลต่อสุขภาวะของคนจำนวนมาก เนื่องจากอาหารราคาถูกไม่ค่อยมีความหลากหลาย และไม่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากนัก แถมยังอุดมไปด้วยสารเคมีและไขมันที่สะสมในร่างกายและส่งผลทำลายสุขภาพในระยะยาว ทำให้ “คนจน” ที่จำต้องกินอาหารราคาถูก เสี่ยงต่อการเป็น “โรคอ้วน” มากกว่าคนมีอันจะกินทั้งหลาย
กระแสการกินอาหารปลอดสารพิษที่เกิดขึ้นทั่วโลกจึงเป็นหนึ่งในคำตอบของการกินเพื่อสุขภาพ แต่ติดอยู่ที่ว่าอาหารปลอดสารพิษราคาแพงกว่าอาหารทั่วไป นักวิจัยของสถาบัน American Heart Association ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชากรเป็นโรคอ้วนและโรคเกี่ยวกับหัวใจจำนวนมากจึงเสนอให้รัฐบาลพิจารณามาตรการเก็บภาษีเพิ่มแก่อาหารที่เป็นภัยต่อสุขภาพ เช่น ขนมขบเคี้ยวหรืออาหารสำเร็จรูปที่มีน้ำตาล, เกลือโซเดียม และไขมันสูง แต่เพิ่มเงินอุดหนุนทางการเกษตรแก่ผู้ผลิตอาหารปลอดสารพิษแทน เพื่อช่วยให้อาหารที่มีประโยชน์มีราคาถูกลง โดยงานวิจัยของ AHA เผยว่า การเพิ่มอาหารที่มีกากใย 10 เปอร์เซ็นต์ของมื้ออาหารในแต่ละวัน จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและ
โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดต่างๆแก่ประชากรอเมริกันได้
หลายชุมชนในสหรัฐฯได้เริ่มขยับนำหน้ารัฐบาลไปแล้ว เพราะกลุ่มนักกิจกรรมและประชาชนบางส่วนร่วมกันจัดตั้งขบวนการปลูกพืชกินได้ในพื้นที่สาธารณะตามเมืองต่างๆ โดยที่เมืองซานดิเอโกมีอาสาสมัครปลูกพืชผักตามริมถนน เพื่อให้ประชาชนเก็บเกี่ยวผลผลิตไปกินได้ฟรีๆ ส่วนในเมืองซีแอตเติลมีการปลูกพืชสวนครัวตามสวนสาธารณะของเมือง เช่นเดียวกับการปลูกพืชริมถนนในนครลอสแอนเจลิส, บอสตัน, และเมืองอิซซากวาห์ในรัฐวอชิงตัน รวมถึงการปลูกพืชบนที่ว่างบนหลังคาตึกสูงในย่านบรู๊กลิน นครนิวยอร์ก ซึ่งมีหนังสือคู่มือการทำสวนบนหลังคาออกมาวางจำหน่ายกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่าการร่วมกันปลูกพืชในพื้นที่สาธารณะของคนในชุมชนช่วยให้เยาวชนมีกิจกรรมทำมากขึ้น และช่วยลด สถิติอาชญากรรมในหมู่วัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในย่านชุมชนแออัดบางแห่งของสหรัฐฯด้วย.
ตติกานต์ เดชชพงศ