ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/564880
โดย สะ-เล-เต 20 ม.ค. 2559 05:01

20 ปีมาแล้วที่เกษตรกร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ปรับเปลี่ยนอาชีพจากชาวไร่มันสำปะหลัง ไร่ข้าวโพด มาเป็นชาวสวนลำไย เพราะเป็นพื้นที่มีศักยภาพ อากาศดี สามารถทำลำไยนอกฤดูได้
10 ปีมาแล้ว ที่พ่อค้าชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ได้เข้ามาลงทุนสร้าง “ล้ง” รับซื้อผลผลิตลำไยนอกฤดู เฉพาะในเขต จ.จันทบุรี มีมากกว่า 50 ล้ง ทำให้เกิดการแข่งขันรับซื้อลำไยสูง เป็นผลดีต่อเกษตรกรที่ขายลำใยได้ราคา เพราะมีการมาจองขอซื้อเหมาสวนล่วงหน้า
ลำไยเริ่มออกดอกล้งจีนจะส่งตัวแทนมาเจรจาขอซื้อเหมาสวน ให้ราคา กก.ละ 40-60 บาท แล้วแต่จะตกลงกัน จากนั้นจะมีการทำสัญญาซื้อขาย จ่ายมัดจำกันล่วงหน้า 20-30% ส่วนที่เหลือค่อยมาจ่ายกันหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้ว…เกษตรกรมีหน้าที่ดูแลลำไยให้ได้คุณภาพ
ตามที่ตกลงกันไว้ ไม่ให้ขาดปุ๋ย ขาดน้ำ ขาดยา และต้องไม่ให้เกิดโรค ไม่เช่นนั้นจะถูกหักค่าเสียหาย ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เกษตรกรจะรับภาระทั้งหมด
ภาพโดยรวม 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีปัญหาตุกติกกันสักเท่าไร จะมีรายการเบี้ยวผิดสัญญาบ้างไม่กี่ราย อยู่ในระดับที่พอเจรจาไกล่เกลี่ยกันได้
แต่ปีนี้ไม่เหมือนเดิม…จะเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นดี เศรษฐกิจจีนซบเซา ไม่อาจจะคาดเดาได้ เพราะที่ผ่านมาก็มีปัญหามาแล้ว เพียงแต่ไม่มากเท่าปีนี้ เกษตรกรถูกเบี้ยวมากถึง 40–50%
ลำไยนอกฤดูที่ทำสัญญากันไว้ ถึงเวลาที่จะต้องมาเก็บเกี่ยวออกจากสวนแล้ว เจ้าของสวนแจ้งให้มาเก็บเกี่ยวแล้ว…แต่ล้งจีนไม่ยอมมา
อ้างเหตุผลสารพัดขอผัดผ่อนไปเรื่อย
หากปล่อยทิ้งให้เนิ่นไปเป็นเดือน ลำไยแก่จัด ผลแตก ลูกบิดเบี้ยว ร่วงหล่นเน่าใต้ต้น ไร้ราคา…เกษตรกรไม่รู้จะทำไงดี ล้งจีนคู่สัญญา
ไม่ยอมมาเก็บ จะขายให้เจ้าอื่นก็ทำไม่ได้ เพราะสัญญาค้ำคอ ผิดสัญญาไม่เพียงจะต้องถูกปรับ 2 เท่าตัว ยังมีความผิดฐานลักทรัพย์ เอาของเขาไปขายให้คนอื่นเข้าให้อีก
ทั้งที่กรณีแบบนี้มีหลายปี แต่ทำไมภาครัฐถึงไม่สามารถหามาตรการอะไรมารองรับซะที หรือมีปัญหาไร้ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับโลกปัจจุบัน.
สะ–เล–เต