ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/565939
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 22 ม.ค. 2559 05:01

“ก่อนมีโครงการรับจำนำ ถึงราคาข้าวจะไม่แพง เกี่ยวข้าวขายหักค่าปุ๋ยยา ยังมีเงินเหลือ ผิดกับเดี๋ยวนี้ หักค่าปุ๋ยยา ไม่ขาดทุนก็เสมอตัว โชคดีที่บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด ข้าวตราฉัตร มาชวนร่วมโครงการปลูกข้าวญี่ปุ่น ช่วงแรกๆไม่ค่อยไว้ใจ กลัวจะเหมือนเอกชนรายอื่น เข้ามาส่งเสริมปลูกข้าวอินทรีย์ ข้าวไรซ์เบอรี่ เข้ามาบอก มาแนะนำอบรม แล้วเงียบหาย จะโผล่มาอีกทีตอนเกี่ยวข้าว กว่าจะได้เงิน รอกันหลายเดือน”
นายเอกชัย คนควร ชาวนาบ้านลาดเจริญ ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย เล่าว่า แม้จะกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แต่ก็ยังอยากลองเข้าร่วมโครงการ เพราะเงื่อนไขน่าเสี่ยง
บริษัทข้าวตราฉัตรตั้งราคาประกันก่อนปลูก ชาวนาจะได้เนื้อๆ ตันละ 11,700 บาท…ส่วนต้นทุนการผลิต ค่าจ้างรถไถ ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าจ้างรถปักดำ ค่าปุ๋ยยา ค่าจ้างรถเกี่ยว บริษัทออกให้หมดยิ่งถ้าทำดี ได้ผลผลิตมากกว่าไร่ละ 1 ตัน จะได้เงินเข้ากระเป๋ามากกว่านี้
ต่างกับเงื่อนไขของบริษัทอื่นที่เคยเข้ามาส่งเสริม…นอกจากจะไม่มีการตกลงราคาก่อนปลูก ปัจจัยการผลิตทุกอย่าง ชาวนาต้องควักจ่ายเองทั้งหมด แถมเวลาขายยังได้ราคาเท่าตลาดทั่วไป
ด้วยเงื่อนไขยั่วใจ เอกชัย ตัดสินใจเสี่ยงเข้าร่วมโครงการ แม้จะมีที่นา 30 ไร่ แต่ไม่กล้าทำทั้งหมด ทำแค่ 10 ไร่ เผื่อมีปัญหา บริษัททำไม่ได้อย่างที่คุย ตัวเองยังจะมีข้าวไว้กิน…แต่บริษัททำไปมากกว่าที่พูด
“เขามาดูแล ตั้งแต่หารถไถมาให้ คุมการไถล้มตอซัง ไถดะ ไถพรวน เพาะเมล็ดพันธุ์ 3 ขั้นตอน เพาะลงถาด ย้ายลงแปลง ย้ายลงรถปักดำ มีการส่งเจ้าหน้าที่มาควบคุมตลอด ถึงเวลาใส่ปุ๋ย มีเจ้าหน้าที่มาเก็บดินไปตรวจวิเคราะห์ เพื่อจะได้ใส่ปุ๋ยตรงความต้องการของข้าว น้ำก็คุมตรวจเช็กตลอด ถึงเวลาเก็บเกี่ยว เจ้าหน้าที่ยังมาดูอีกข้าวสุกได้ที่รึยัง จากนั้นนัดแนะรถเกี่ยวข้าว หลังเกี่ยวเสร็จ ชั่งน้ำหนักวัดค่าความชื้น จ่ายเงินสดๆกันที่เถียงนาเลย”
รุ่นแรก 10 ไร่ ได้ข้าว 10 ตัน เอกชัยได้เงินไป 117,000 บาท หรือไร่ละ 11,700 บาท…ในขณะที่ข้าว 20 ไร่ ที่กันไว้ปลูกข้าวแบบเดิม ขายโรงสีหักต้นทุนแล้วได้ไร่ละ 6,000 บาท
ปลูกข้าวญี่ปุ่นกับตราฉัตร ได้เงินมากกว่าเท่าตัว…ส่งผลให้ชาวนารายอื่นที่กล้าๆ กลัวๆ เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นจาก 300 ไร่ เป็น 800 ไร่
“ปลูกข้าวแบบนี้ เราแทบไม่ต้องควักทุนอะไรเลย แค่ช่วยออกแรงเพาะกล้า กับคอยดูโรคแมลง ถ้ามีโรคก็แจ้งบริษัท เขาจะส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลและให้คำแนะนำที่ถูกต้อง เรามีหน้าที่ไม่ต่างคนเฝ้านา”
แต่การปลูกข้าวจะได้ดีแบบนี้ เอกชัย มองว่า ไม่ใช่ชาวนาทุกคนจะทำได้ ถ้าไม่รักข้าวจริง ไม่ดูแลนาจริง อย่าว่าจะได้ตันละหมื่นเลย บาทเดียวก็ไม่ได้ เพราะบริษัทมีกฎกติกา นาของใครปลูกไปแล้วได้ผลผลิตต่ำกว่าเพื่อนบ้าน จะถูกคัดออกทันที
แม้กติกาดูเหมือนจะเข้มงวด แต่ เอกชัย และเพื่อนชาวนากลับมองว่า มันคือการช่วยให้ชาวนารู้จักเคารพอาชีพตัวเอง ไม่ใช่สักแต่ปลูกแบบทิ้งขว้าง แถมยังเป็นวิธีที่จูงใจให้ชาวนารู้จักพัฒนาอาชีพตัวเอง
ได้ทั้งเงิน ทั้งความฉลาดรอบรู้…จะพอเป็นโมเดล ให้ภาครัฐคิดนำไปปรับใช้จูงใจให้ชาวนาปลูกข้าวตาม “ระบบโซนนิ่ง” ได้ไหม.
เพ็ญพิชญา เตียว



