ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/569299
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 29 ม.ค. 2559 05:01

“ภัยแล้ง”…ปีนี้สาหัส… “เกษตรกร” ต้องปรับตัวรับมือรอบทิศ เรียกว่าต้องคุมให้ได้ เอาให้อยู่ เพื่อผ่านพ้นวิกฤติภัยทางธรรมชาติและเศรษฐกิจไปให้ได้
สุรเดช เตียวตระกูล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน บอกว่า นโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรี มอบนโยบายปี 2559 ขับเคลื่อนเรื่อง “ลดต้นทุน” เพื่อเพิ่มโอกาสทางการแข่งขัน
“ลดต้นทุน”…มีทั้งหมด 4 ขา การลดต้นทุน การเพิ่มผลผลิต การบริหารจัดการ และการตลาด 4 เสาหลักข้างต้นมีความสำคัญ โดยมี “เกษตรกร” เป็นศูนย์กลาง
กรมพัฒนาที่ดิน แปลงไปสู่การปฏิบัติ ลดต้นทุน…การวิเคราะห์ดิน วันนี้เกษตรกรยุคใหม่ใช่ว่าจะต้องทำการเกษตรแบบพึ่งฟ้าพึ่งฝน ทำไปทนไปแบบเดิมๆไม่ไหวแน่
ต้องวิเคราะห์ดิน เพื่อให้รู้ว่าดินในไร่นาของตัวเองนั้นมีธาตุอาหารอะไรมากน้อยแค่ไหนอย่างไร เพื่อนำไปสู่ทิศทางการใช้ปุ๋ยให้ตรงจุด ใช้ปุ๋ยในแปลงปลูกพืชอัตราส่วนเท่าไหร่ไม่ใช่หว่านปุ๋ยลงไปแบบเดิมๆ ใส่เท่าไหร่ก็ใส่เท่านั้น และยิ่งต้องทวีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ สูญเงินโดยใช่เหตุ
เมื่อเรารู้จัก “ดิน” ค่าความเป็นกรด…ด่าง ธาตุอาหาร N-P-K… ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียมเท่าไหร่บ้าง ถ้าใช้ปุ๋ย สารเคมีมากๆโดยไม่จำเป็นก็เท่ากับต้นทุนสูงขึ้น แข่งขันกับใครก็คงไม่ได้
“วันวาน…เกษตรกรไทยอาจจะใส่ปุ๋ยตามความรู้สึก แต่วันนี้… ต้องใส่ปุ๋ยตามความจำเป็น ใส่อย่างถูกต้อง ชัดเจนตามคำแนะนำของกรมพัฒนาที่ดิน เป็นการลดต้นทุนอย่างเป็นระบบ”
อีกเรื่องที่ต้องกล่าวถึงเทคโนโลยี “เขตความเหมาะสมในการปลูกพืช” หรือ “โซนนิ่ง” จะปลูกพืชไหน ตรงพื้นที่ไหน สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์กรมพัฒนาที่ดิน http://www.ldd.go.th หรือเกษตรกรยุคใหม่ออนไลน์ตลอดเวลาก็ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นไปใช้ก็ได้ ทันสมัยครอบคลุมข้อมูลหลายเรื่องแบบเรียลไทม์
“จะรู้เลยว่า ดินตรงบ้านท่านเหมาะที่จะปลูกพืชอะไร แน่นอนว่ามีประโยชน์ต่อการเพิ่มผลผลิต เสริมด้วยปัจจัยที่นำไปเพิ่มการผลิตได้ พด.1 พด.2 ปุ๋ยพืชสด ปูนมาร์ล โดโลไมท์”
ข้อมูลชี้ชัดวันนี้ เกษตรกรที่วิเคราะห์ดินแล้ว มีผลอยู่ในมือ …จะเห็นเลยว่าปัญหาคืออะไร เพิ่มรายได้ก็คือกรมฯมีแหล่งน้ำ เมื่อมีทั้งข้อมูลน้ำ…ดิน ทำให้เกษตรกรใช้วางแผนในการเพาะปลูกได้อย่างเหมาะสม
กรมพัฒนาที่ดินเดินหน้า 3 กิจกรรมไปแล้ว 64.74% หนึ่ง…ส่งเสริมการทำปุ๋ยหมัก พื้นที่ 12 จังหวัด…กรุงเทพมหานคร, ลพบุรี, สิงห์บุรี, ชัยนาท, ฉะเชิงเทรา, นครนายก, นครสวรรค์, กำแพงเพชร, สุโขทัย, พิษณุโลก, นครปฐม และพิจิตร มีเกษตรกรเข้าร่วม 1,180 ราย เป้าหมาย 763 ตัน
สอง…ส่งเสริมการทำน้ำหมักชีวภาพ พื้นที่ดำเนินการ 11 จังหวัด มีเกษตรกรเข้าร่วม 2,975 ราย เป้าหมาย 503,232 ลิตร และ สาม …ส่งเสริมการปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยพืชสด (ปอเทือง) พื้นที่ 10 จังหวัด มีเกษตรกรเข้าร่วม 862 ราย พื้นที่เป้าหมาย 7,827 ไร่
ในส่วนของโครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน ปีงบประมาณ 2559 ดำเนินการแล้ว 63% และก่อสร้างแหล่งน้ำชุมชน 7 แห่ง
“การบริหารจัดการ”…ขาที่สาม ขานี้สำคัญ ผ่าน “หมอดินอาสา” ทั่วประเทศกว่า 80,000 ราย ทั้งหมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน …ประจำตำบล อำเภอ และจังหวัด เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยเกษตรกรได้แบบด่วนทันใจใกล้บ้านท่าน
“กรมฯจะใส่เทคโนโลยี องค์ความรู้ต้นทางผ่านหมอดินเหล่านี้ นับตั้งแต่กระบวนการเก็บตัวอย่างดิน วิเคราะห์ดิน นำผลวิเคราะห์ไปใช้ สร้างเครือข่ายขับเคลื่อนสานต่อนโยบายจากส่วนกลางต่ออีกทอดหนึ่ง…กระจายความรู้ กระจายการบริหารจัดการขยายการปฏิบัติลงพื้นที่ได้ทั่วถึงทั่วประเทศ”
นี่คือ…ความสำคัญในการใช้ข้อมูลวิเคราะห์ดินเป็นตัวกำหนดการปลูกพืชตามหลักวิชาการ
เปิดหัวใจหมอดินอาสา เสมือนหนึ่งเป็นปราชญ์ชาวบ้านที่สามารถถ่ายทอดสิ่งต่างๆที่จำเป็นต่อเกษตรกรได้อย่างเข้มข้น “หมอดินอาสาประจำอำเภอบางระกำ” จังหวัดพิษณุโลก
เฉลา บดีรัฐ บอกว่า บทบาทของหมอดินอำเภอมีหน้าที่รับองค์ความรู้จากเจ้าหน้าที่มาถ่ายทอดให้หมอดินตำบล…หมอดินหมู่บ้าน
นอกจากนี้เราได้จัดตั้งเป็นเครือข่ายหมอดิน เอาไว้แลกเปลี่ยนความรู้กันระหว่างกลุ่ม ในการปฏิบัติถือว่าเป็นการช่วยเจ้าหน้าที่ที่มีน้อยนิด ทำอย่างไรก็คงไม่เพียงพอกับเกษตรกรที่มีแต่ละพื้นที่
“หมอดินอาสาประจำตำบล…หมู่บ้านจะช่วยดูแลเกษตรกรใกล้ชิดมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหามากมายเกี่ยวกับการใช้สารเคมี ปรับเปลี่ยนมุมมอง ทัศนคติลดใช้เคมี หันมาใช้น้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยหมัก กระบวนการผลิตเป็นเกษตรอินทรีย์”
ยิบย่อยลงมาเป็นหมอดินอาสาประจำตำบล…หมู่บ้าน ทำงานร่วมกัน ให้คำแนะนำในเรื่องของ “ดิน” เดินหน้าไปสู่เป้าหมายเดียวกัน “ลดต้นทุนที่เคยสูง ให้ต่ำลง ผ่านกระบวนการที่ชัดเจน พิสูจน์ได้”
การลดต้นทุนที่เห็นผลทันตา ต้องรู้ก่อนว่า ต้นทุนทั้งหมดมาจากไหน จ่ายไปเท่าไหร่ ได้ผลคืนกลับมาอย่างไร แม้ว่าจะปรับเปลี่ยนใช้ปุ๋ยอินทรีย์แล้วแต่ก็ยังได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ปริมาณเทียบเท่าเดิม
หรือ…อาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำในแง่สุขภาพที่ไม่เสีย ตายผ่อนส่งไปกับการอยู่กับสารเคมี ยาฆ่าแมลง
รวมกลุ่มกันเพื่อรวมวัตถุดิบ เอามาแปรรูปใช้ทำปุ๋ย น้ำหมักชีวภาพ เลี้ยงหมูก็ใช้รกหมูทำน้ำหมักลดต้นทุน ผลตอบรับดี หลายคนหันหลังให้กับมนุษย์เงินเดือนกลับมาทำการเกษตรที่บ้านเกิดก็เริ่มไปได้ รู้สึกว่ารายรับที่เข้ามาก็พออยู่ได้ ไม่ลำบากขัดสน
ปรับเปลี่ยนจากครอบครัวรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่ใช้สารเคมี หันมาทำการเกษตรแบบวิถีธรรมชาติ “เกษตรอินทรีย์” ปลูกข้าวก็ได้ข้าวเท่าๆกับแปลงเพื่อนบ้านที่ใช้เคมีเต็มๆแบบเดิมๆ
น่าสนใจไหมล่ะ เกษตรกรรุ่นใหม่ ที่ต้องเรียกว่าเป็นรุ่น “ซุปเปอร์เกษตรกร” สร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองสู้ทุกภัยไม่ว่าภัยธรรมชาติ ภัยเศรษฐกิจ
เกษตรกรไทยจะไปถึงจุดนี้ได้อย่างไร สุรเดช อธิบดีกรมพัฒนาที่ดินย้ำว่า เกษตรกรต้องมีความเชื่อมั่น มั่นใจในการที่จะเข้ามาใช้ข้อมูลที่กรมพัฒนาที่ดินมีอยู่ในมือ หรือมีปัญหาก็ไปปรึกษากับหมอดินใกล้บ้าน
หรือ…จะเข้าไปขอข้อมูลได้ที่สถานีพัฒนาที่ดินประจำจังหวัด หรือ…สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตก็ได้ ข้อมูลที่จะช่วยลดต้นทุนมีอยู่แล้ว
องค์ความรู้ วิชาการ ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ จำเป็นสำหรับเกษตรกรยุคใหม่ ช่วยให้เกษตรกรไทยทุกพื้นที่พลิกวิกฤติ…ยิ่งทำยิ่งจน หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินได้อย่างไม่อายใคร.