น้ำหมักตาสับปะรด กู้ชีวิตประมงสู้น้ำเน่า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/569337

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 29 ม.ค. 2559 05:01

 

เดิมทีพื้นที่ ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ มีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำ และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ ครึ่งปีแรกจะทำนาปลูกข้าว หลังเกี่ยวข้าวเสร็จเข้าสู่ฤดูน้ำทะเลหนุนสูง ชาวแหลมฟ้าผ่าจะเปลี่ยนมาทำอาชีพเพาะเลี้ยงกุ้ง เพราะน้ำทะเลชักนำลูกกุ้งแชบ๊วย กุ้งกุลาดำเข้ามาเป็นจำนวนมาก…ชาวบ้านสามารถทำนากุ้งได้โดยไม่ต้องซื้อลูกพันธุ์

แต่ด้วยแผ่นดินทรุดเพราะสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้กันมาก และโลกร้อนทำน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นทุกปี…นาเปลี่ยนเป็นป่าชายเลน ปลูกข้าวไม่ได้ ผลที่ตามมา ลูกกุ้งที่น้ำทะเลพัดเข้ามาไม่มีอาหาร ต้องซื้ออาหารมาเลี้ยง

“จุดนี้เองทำให้น้ำทะเลที่เคยใช้เลี้ยงกุ้งได้เริ่มเน่าเสีย ประกอบกับชุมชนของเราอยู่ปลายน้ำ สารพัดน้ำเสียไหลมารวมอยู่ที่นี่ เลยเกิดโรคระบาด กุ้งเป็นโรคหัวเหลือง ตัวแดง”

นางจรูญ ไกรเนตร ชาวบ้านในพื้นที่ ต.แหลมฟ้าผ่า เล่าว่า พื้นที่ 90 ไร่ของตัวเอง จากเดิมเคยจับกุ้งขายได้เดือนละ 300,000-400,000 บาท ลดมาเหลือแค่หมื่นกว่าบาท…หากปล่อยให้ปัญหาเกิดนานเกิน อย่าว่าแต่กุ้ง หอย ปู ปลา ตาย ปัญหามลภาวะน้ำเน่าเสีย ชาวบ้านอยู่ไม่ได้แน่ๆ ด้วยความต้องการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชุมชนและตัวเอง จึงพยายามขวนขวายหาความรู้ ทั้งไปอบรม ดูงาน แต่สิ่งได้รับรู้มาส่วนใหญ่แนะให้ใช้สารเคมี

“วิธีแบบนี้เอามาใช้กับชุมชนเราไม่ได้ เพราะพื้นที่ของเรากว้าง ขืนทำตามเขาเจ๊งแน่ คราวนี้เริ่มหาความรู้จากโลกโซเชียล จนรู้ว่าเชื้อจุลินทรีย์บาซิลลัสสามารถใช้แก้ปัญหาน้ำเสียได้ดี และเชื้อชนิดนี้มีอยู่ทั่วไปตามเปลือกผลไม้ และมีมากเป็นพิเศษในตาสับปะรด”

เริ่มแรก จรูญ จึงนำเปลือกสับปะรดซึ่งมีตา 1 กก. กากน้ำตาล 1 กก. มาหมักในถังปิดสนิท ทิ้งไว้ 14 วัน…เมื่อได้หัวเชื้อ นำไปขยายต่อด้วยการนำหัวเชื้อ 1 ลิตร ผสมกากน้ำตาล 1 ลิตร น้ำ 80 ลิตร หมัก 7 วัน จากนั้นได้ทำเรื่องขอกู้เงินกับ ธ.ก.ส.สาขาพระสมุทรเจดีย์…เป็นทุนทำบ่อปิดทดลองขนาด 1 ไร่ แล้วใช้จุลินทรีย์น้ำหมัก 1 ลิตร สาดรอบๆบ่อพื้นที่ 1 ไร่ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ระยะเวลา 3 ปี เริ่มเห็นคุณภาพน้ำเน่าเสียดีขึ้น มีแพลงก์ตอนอยู่ในบ่อจำนวนมาก จากนั้นจึงเอาพันธุ์กุ้งมาปล่อยเลี้ยง

กุ้งโตเร็วอัตราตายน้อย ไม่มีปัญหาปลายหางบวมน้ำ ระยางอยู่ครบ หนวดไม่ขาด ลำตัวใส ยืนยันได้ว่าคุณภาพน้ำดีขึ้น กุ้งหากินอาหารที่มีอยู่ในธรรมชาติตามรากโกงกาง ไม่ต้องซื้ออาหารมาเลี้ยงแต่อย่างใด…เมื่อวิธีนี้ได้ผล จึงชักชวนเพื่อนบ้านตั้งกลุ่มร่วมแก้ปัญหาไปพร้อมกันทั้งตำบลทุกวันนี้ยามโพล้เพล้ ตะวันตกดิน ชาวบ้านจะเปิดประตูกั้นให้น้ำทะเลพัดพาลูกกุ้งเข้ามาในพื้นที่ เมื่อน้ำลดจะปิดประตู เพื่อกักเก็บลูกกุ้งจากธรรมชาติมาเลี้ยง พร้อมกับช่วยกันนำน้ำหมักตาสับปะรดมาสาดไปทั่วคุ้งน้ำที่ขังลูกกุ้งสัปดาห์ละครั้ง…ลิตรละ 1 ไร่

และทุกสัปดาห์ในตอนค่ำคืน ชาวบ้านจะนำแห อวนลาก ลงบ่อที่มีทั้งกุ้งแชบ๊วย กุ้งแม่น้ำ กุ้งกุลาดำ ปลากะพง ปู…เลือกจับเฉพาะขนาดที่ตลาดต้องการ ช่วยให้ครอบครัวหนึ่งมีรายได้อย่างน้อยเดือนละ 100,000 บาท เท่านั้นเอง.

เพ็ญพิชญา เตียว

Leave a comment