ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/571522
โดย สะ-เล-เต 3 ก.พ. 2559 05:01

ลมหนาวยังไม่หมด ยังมีตามมาสมทบกันอีกระลอก สภาพอากาศเช่นนี้ สัตว์ปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้สัตว์เกิดความเครียด ภูมิคุ้มกันโรคลดลง เจ็บป่วยได้ง่าย
น.สพ.นรินทร์ ร่มลำดวน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักเทคนิคและวิชาการสัตว์บก ซีพีเอฟ เตือนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกให้เอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ ด้วยการปรับสภาพในโรงเรือนให้มีความอบอุ่นแก่ตัวสัตว์ ใช้ผ้าม่านหรือกระสอบมาปิดบังลมรอบโรงเรือน แต่ต้องมีการระบายอากาศ ส่วนในโรงเรือนปิดแบบอีแวปควรกั้นผ้าหรือกระสอบเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้มีลมโกรก และอาจเพิ่มไฟกกให้กับสัตว์ที่อายุยังน้อย
แต่ย้ำว่า…ไม่ควรสุมไฟให้ไก่ เพราะอาจเกิดอันตรายได้
การเลี้ยงไก่เนื้อให้ใช้แกลบรองพื้นในการเลี้ยง และหมั่นกลับแกลบอย่างน้อย 1-2 วันต่อครั้ง เพื่อป้องกันการเก็บความชื้น ส่วนไก่ไข่ต้องจัดการกับมูลไก่ใต้กรงบ่อยขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากแก๊สแอมโมเนียที่จะมีมากขึ้นในช่วงนี้ และควรเพิ่มอาหารให้มากขึ้น เพื่อไก่จะได้นำพลังงานจากอาหารไปต่อสู้กับความหนาวเย็น พร้อมเข้มงวดกับการทำวัคซีนป้องกันโรคตามระยะ เวลาที่กำหนด โดยสามารถเพิ่มวิตามินละลายน้ำให้ไก่กินได้ตามสมควร
และด้วยในช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคมของทุกปี จะมีการอพยพย้ายถิ่นของฝูงนกจากซีกโลกเหนือมายังบ้านเรา เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคในสัตว์ปีก เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกแบบปล่อย เช่น เป็ดไล่ทุ่งและไก่บ้านในช่วงนี้ควรนำสัตว์ปีกเข้าไปเลี้ยงภายในโรงเรือนที่มีตาข่ายปิดมิดชิดและมีหลังคาคลุม เพื่อป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดนกจากฝูงนกอพยพ ควบคู่กับการให้น้ำของสัตว์ปีกจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อด้วยคลอรีนออกฤทธิ์ประมาณ 2-3 ppm หรือปริมาณน้ำ 1,000 ลิตรต่อคลอรีนออกฤทธิ์ 2-3 กรัม รวมไปถึงการพ่นยาฆ่าเชื้อในกลุ่มกลูตาราลดีไฮด์เป็นประจำทุกวัน ที่สำคัญควรมีรองเท้าบูตสำหรับใส่ภายในโรงเรือนโดยเฉพาะ
สำหรับเกษตรกรที่สงสัยสัตว์ของตนเองจะเสี่ยงติดเชื้อโรค สังเกตได้จากมีการตายผิดปกติเกินร้อยละ 1 ของสัตว์ทั้งฟาร์มต่อวัน ให้แจ้งไปที่สำนักเทคนิคและวิชาการสัตว์บก 0–2988–0670 เพื่อจะได้ส่งเจ้าหน้าที่ของซีพีเอฟลงพื้นที่เก็บตัวอย่างสัตว์และนำมาส่งตรวจ โดยจะทราบผลภายใน 1–2 วัน.
สะ–เล–เต