ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/585466
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 4 มี.ค. 2559 05:01

ถึงโคราชจะประสบภัยแล้ง ทางการไม่ให้ทำนาปรัง แต่ชาวนา ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ยังมีน้ำผ่านการบำบัดจากชุมชนเมืองในเขตเทศบาลเจือจานมาให้พอทำนาปรังได้บ้าง
และเป็นการทำนาครั้งแรก ที่กรมการข้าว โดยศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา ได้นำวิธีการทำนาเปียกสลับแห้งมาให้ชาวนาอีสานได้สัมผัสของจริงด้วยตัวเอง
แม้ทางการจะมุ่งหวังให้ชาวนาประหยัดน้ำเป็นหลัก…แต่สิ่งที่ชาวนาคาดหวัง กลับเป็นเรื่องลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตซะมากกว่า
“ทำมาได้ 2 เดือนแล้ว แม้ข้าวจะเก็บเกี่ยวไม่ได้ ยอมรับว่าช่วยประหยัดน้ำได้จริง เพราะปกติแล้วทำนามาถึงระยะนี้ อย่างน้อยๆต้องสูบน้ำเข้านา 4-5 ครั้ง เพื่อจะขังน้ำให้เต็มนา แต่พอมาทำนาเปียกสลับแห้ง 2 เดือนมานี่ สูบน้ำเข้านาหนเดียวเอง แค่นี้ช่วยประหยัดเงินค่าสูบน้ำได้เกือบพันแล้ว”
นายชม แก้วบุญพะเนา ประธานกลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว บ้านท่ากระสัง ต.หัวทะเล เล่าถึงสิ่งที่ได้จากการทำนาเปียกสลับแห้งเป็นครั้งแรก…ไม่เพียงจะประหยัดน้ำ ต้นกล้าที่ปักดำไปแล้วยังเขียวขจี แตกกอใหญ่มากกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งที่ยังไม่ได้ใส่ปุ๋ยอะไรเลย
ผิดกับการทำนาแบบเดิม ขังน้ำไว้ตลอดเวลา ใส่ปุ๋ยก็แล้ว ข้าวไม่ค่อยเขียว แตกกอเล็กนิดเดียว ถอนขึ้นมามีรากอุ้มดินเท่าอุ้งมือ แต่พอมาทำนาแบบนี้ ปล่อยให้น้ำแห้ง รากข้าวถูกบังคับให้ขยัน งอกรากใหม่ไปหาน้ำ หาอาหารในดินชั้นลึกลงไป ถอนกอข้าวขึ้น มีรากอุ้มดินเป็นกอบใหญ่ หนักจนถือแทบไม่ไหว…แม้วันนี้ต้นข้าวจะไม่ออกรวงให้เก็บเกี่ยว นายชม มั่นใจผลผลิตที่ได้ไม่น้อยกว่าเดิมแน่
นายประเสริฐ แสงสุข ชาวนาบ้านข่อยงาม ต.หัวทะเล ที่เริ่มหัดทำนาเปียกสลับแห้งในดินที่แย่กว่า เพราะดินเก็บน้ำได้ไม่นาน…ยังคาดหวังไปในแนวทางเดียว ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นแน่ ไม่น้อยกว่าไร่ละ 1,100 กก.
“ปกติทำนาตรงนี้ต้องสูบน้ำเข้านาวันเว้นวัน ต้นทุนทำนา ครึ่งหนึ่งเป็นค่าสูบน้ำเข้านา แต่พอมาทำนาเปียกสลับแห้ง ใช้วิธีเอาท่อไปฝังไว้ในนา เพื่อดูระดับน้ำใต้ดินไม่ให้แห้งเกินไป สูบน้ำเข้ามาได้ 10 วันแล้ว ยังไม่ต้องสูบอีกเลย ข้าวแตกกอดี จากเดิมปักดำไปแล้วจะแตกกอแค่ 4-5 ต้น แต่นี่แตกเป็นสิบเลย”
อีกเหตุผลที่ ประเสริฐ เชื่อว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้น…การปล่อยให้น้ำแห้งดินแตกระแหงแล้วค่อยหว่านปุ๋ย นอกจากจะเดินหว่านปุ๋ยได้สบาย หว่านได้ทั่วถึงเพราะดินแห้ง เม็ดปุ๋ยที่ตกไปในร่องแตกระแหง ทำให้ปุ๋ยลงไปถึงรากต้นข้าวได้ทันที ไม่เหมือนเมื่อก่อนหว่านปุ๋ยต้องมีน้ำ หว่านไปปุ๋ยหายไปกับน้ำหมด
“พอมาทำนาเปียกสลับแห้ง ถึงได้รู้ ที่ผ่านมาเราทำนาแบบผิดๆ เหมือนเลี้ยงลูก ปลูกไปแล้ว เห็นดินแห้ง ใจไม่ดี กลัวข้าวจะตาย เหมือนกลัวลูกจะอด เลยให้น้ำให้ปุ๋ย เลี้ยงบำรุง จนในที่สุดต้นข้าวขี้เกียจ ลูกขี้เกียจ ทำมาหากินช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เราเลยลำบาก แต่ถ้าเลี้ยงให้ถูก ให้รู้จักช่วยเหลือตัวเองได้ เราก็ไม่ลำบาก” เป็นข้อคิดที่ ประเสริฐ รำพึงให้ฟัง.
ชาติชาย ศิริพัฒน์



