ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/606773
โดย ทีมข่าวการเมือง 18 เม.ย. 2559 05:01

ผ่านด่านงานหินการเลือกตั้งใหญ่เป็นโมฆะมาได้อย่างเฉียดฉิว แล้วนำบทเรียนไปถอดกำหนดเพิ่มเติมลงในกติกา เพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอยและให้การลงคะแนนเสียงทั่วประเทศราบรื่น
ประเดิมงานแรกจะเป็นผู้ดำเนินการจัดและคุมการออกเสียงทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ สุดท้ายจะผ่านฉลุยแค่ไหน นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แย้มใจให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง
โดยย้อนรอยถึงการรับมือเหตุการณ์การเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 ที่ กกต.ผ่านมาได้ ซึ่งมีเหตุตั้งแต่วันสมัครรับเลือกตั้งจนถึงวันเลือกตั้ง ที่อีกฝ่ายต้องการให้ กกต.ประกาศเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปก่อน อีกฝ่ายต้องการเลือกตั้งตามกำหนดการเดิม
แต่ไม่มีกฎหมายให้อำนาจ กกต.เลื่อนวันเลือกตั้งเองได้ ตอนนี้ถ้ามีปัญหาอย่างนี้เกิดขึ้นอีก กกต.มีอำนาจประกาศเลื่อนวันเลือกตั้งใหม่ได้แล้ว
เราพร้อมตั้งแต่สมัยร่างรัฐธรรมนูญในยุคสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พอที่ประชุม สปช.มีมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ กกต.ก็เตรียมพร้อมมาตลอด
แต่การเตรียมการแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน การทำประชามติคราวนี้ต้องดูรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่แก้ไขใหม่ครั้งที่ 2 ประกอบกับ พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ว่าขอบเขตอำนาจของ กกต.มีแค่ไหน เพียงใด
กกต.ร่วมมือกับทุกฝ่าย แบ่งงานกันทำ มีนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต. เป็นพนักงานผู้บริหารเรื่องทำประชามติ เพื่อทำให้การออกเสียงประชามติมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
การทำประชามติจะมีขึ้นในวันที่ 7 ส.ค.59 เปิดหีบเลือกตั้งตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. เดิมขอไปเวลา 08.00-18.00 น. แต่มีหลายจังหวัดเป็นพื้นที่ภูเขา ทำให้ลำบากเคลื่อนการขนนับ
ทั้งหมดได้เตรียมยุทธศาสตร์ “65 ล้านบานสะพรั่ง” ตั้งเป้าหมายให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้มีสิทธิประมาณ 51 ล้านคน และจะให้ผู้ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 7 ส.ค.59 เข้ามามีนิวโหวตเตอร์เพิ่มอีก 8 แสนคน
จะนำข้อบกพร่องจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาวิเคราะห์ว่า มีเหตุปัจจัยอะไรทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิการเลือกตั้งน้อย
ตอนนี้ให้ผู้อำนวยการเขตการเลือกตั้ง-กกต.จังหวัด และเจ้าหน้าที่ไปสำรวจตำบลและเขตเลือกตั้งต่างๆว่า มีหน่วยไหนบ้างที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
และนายประวิช รัตนเพียร กกต. ไปทำศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยระดับตำบลทั่วประเทศกว่า 7,000 ศูนย์ฯ เพื่อเตรียมดินปลูกต้นกล้าประชาธิปไตย
มีวิทยากรของ กกต.ลงไปอบรมถึงบทบาทหน้าที่ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ตัวแทนชาวบ้านแต่ละตำบลที่เป็นกรรมการศูนย์ฯ
และยังได้มีการทำบันทึกข้อตกลงกับศูนย์การศึกษานอกระบบ (กศน.) อัยการสูงสุด หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (รด.) ซึ่งเราขอให้ รด.จิตอาสาไปช่วยอำนาจความสะดวกในการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ
ผมลงไปดูกิจกรรมของศูนย์ฯพบว่าประชาชนตื่นตัว ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอให้ความสนใจและเอาใจใส่ จากนี้ไปจะให้กรรมการแต่ละศูนย์ฯไปรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ
ไม่ได้รณรงค์ให้รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
ขณะที่แรงจูงใจให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิในอนาคต ก็มีการคิดนอกกรอบบ้าง โดยหยิบยกขึ้นมาหารือเหมือนกัน เคยเสนอไปว่าน่าจะทำเหมือนการเลือกตั้งสหกรณ์ที่กำหนดสมาชิกที่มาลงคะแนน จะได้รับคนละ 1,000 บาท หรือก็ใช้มาตรการทางภาษีไปลดหย่อนภาษีให้กับผู้มาใช้สิทธิ
สำหรับการจัดพิมพ์สรุปสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ส่งมาให้ เราก็เตรียมคณะอนุกรรมการต่างๆ ที่จะจัดหาโรงพิมพ์ ประกวดราคา การพิมพ์บัตรออกเสียงประชามติ
ทุกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันข้อครหา หากพบว่ามีการทุจริตขอให้ดำเนินการกับเราได้เลย
การออกแบบบัตรออกเสียงประชามติก็ทำเรียบร้อยแล้ว จะมี 2 คำถามในใบเดียว และจะซ่อนรหัสป้องกันการปลอมแปลงเอาไว้ด้วย
เชื่อมั่นว่าประชาชนจะไม่สับสน เพราะ กกต.จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงขั้นตอนในการออก เสียงประชามติ ซึ่งจะมีตัวอย่างบัตรให้ดู
แล้วคำถามพ่วงจะรณรงค์อย่างไรให้ประชาชนเข้าใจ เพราะคำถามยาวและอยู่ในบัตรใบเดียวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ นายศุภชัย บอกว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) จะดำเนินการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ เพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสาระสำคัญของประเด็นที่เพิ่มคำถามนี้ ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป
เนื้อหา พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ไม่ชัดเจน แต่มีโทษค่อนข้างรุนแรง จะเป็นอุปสรรคต่อการรณรงค์อย่างไร นายศุภชัย บอกว่า ตามกฎหมายระบุไว้ว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ความคิดเห็นของตนเองต่อร่างรัฐธรรมนูญได้ แต่ต้องเป็นไปโดยสุจริตและไม่ขัดต่อกฎหมาย
แต่ถ้าผู้ใดกระทำการดังต่อไปนี้จะมีความผิด อาทิ ก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด
หลอกลวง บังคับขู่เข็ญหรือใช้อิทธิพลคุกคามให้มาออกเสียงหรือไม่ออกเสียง ให้รับหรือไม่รับ
เปิด ทำลาย ทำให้เสียหายเปลี่ยนสภาพหีบบัตร ขัดขวางการมาออกเสียง
ดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง
หรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม ข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ออกเสียงหรือไม่ออกเสียง ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการก่อความวุ่นวาย
การจัดยานพาหนะนำไปออกเสียงหรือนำกลับจากที่ออกเสียงโดยไม่ต้องเสียค่าโดยสารรถตามปกติ เพื่อจูงใจหรือควบคุมให้ลงคะแนนหรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง แต่ถ้าหน่วยงานของรัฐจัดยานพาหนะให้สามารถทำได้
ทั้งหมดที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อให้การออกเสียงประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ฉะนั้น ทุกคนมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น สมมติเราเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็พูดไปได้ แต่จะไปรณรงค์ให้ออกมารับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้
ปัญหาที่จะตามมาในอนาคต คือ เมื่อมีผู้รณรงค์ให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ โดยส่งต่อผ่านไลน์ เฟซบุ๊ก หรือกดไลค์ในเฟซบุ๊ก จะเข้าข่ายทำความผิดด้วยยิ่งจะทำให้คนใช้โซเชียลมีเดียพากันดื้อแพ่ง จะเกิดความรุนแรงตามมา นายศุภชัย บอกว่า อาจจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
และเรื่องนี้กฎหมายใหม่ไม่ได้กำหนดให้ กกต.เป็นผู้เสียหาย เดิมตาม พ.ร.บ.ประชามติปี 52 ยังกำหนดให้ กกต.เป็นผู้เสียหาย
คราวนี้ สนช.ไม่เอาตามที่ กกต.เสนอ แต่ไปกำหนดให้ทุกคนเป็นผู้เสียหายไปแจ้งความเอาผิดได้ถ้าพบการกระทำความผิด คงต้องการให้ประชาชนเป็นหูเป็นตา
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า ขณะนี้ยังมีปัญหาในเรื่องการแสดงความคิดเห็น เพราะได้มีการแก้ไขจากคำว่า รณรงค์เกี่ยวกับการออกเสียง เป็นคำว่าเผยแพร่ความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสียง ทำให้ฝ่ายรัฐคือ กกต.ทำได้ แต่ถ้าเป็นฝ่ายการเมือง ภาคประชาชนทำบ้าง อาจจะเข้าข่ายขัดต่อกฎหมายได้ และมีบทลงโทษหนัก
นายศุภชัย บอกว่า ผมจะให้ความเห็นคนเดียวไม่ได้ กกต.ทำงานในรูปของคณะกรรมการ จะต้องนำไปหารือในที่ประชุมถึงการออกคำแนะนำว่า อะไรทำได้ ไม่ได้
แต่การออกคำแนะนำเปรียบเสมือนดาบสองคม ถ้า กกต.แนะนำไปว่าไม่ผิด เขาไปทำตามที่ กกต.แนะนำ ปรากฏว่าศาลชี้ว่าผิด จะมีปัญหาตามมา ก็ค่อยๆแก้ไป
ฉะนั้น ถ้าเราอยู่ในกรอบกติกาไม่ต้องกลัว เพราะโทษที่กำหนดเอาไว้
เพื่อปรามคนไม่ให้กระทำความผิด.
ทีมการเมือง