ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/603400
โดย ทีมข่าวการเมือง 9 เม.ย. 2559 05:01

กระตุกต่อมเดือดท็อปบูตรับเทศกาลสงกรานต์แบบเป็นแพ็กเกจ
จากช็อต “ขันแดงแสลงใจ” ยังไม่ทันจาง ก็มีโหมดโปสเตอร์คู่ดูโอ “ปู–แม้ว” มารับช่วงต่อ
สองศรีพี่น้อง “ทักษิณ–ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” สบจังหวะช่วงเทศกาลปีใหม่ไทย ลูบคม คสช.ต่อเนื่อง ใช้ขันแดงและโปสเตอร์ ประทับลายเซ็นสองอดีตนายกฯไทยมาล่อใจ
เตรียมแจกจ่ายให้แฟนคลับช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้
พ่วงมากับซีนบีบน้ำตาของ “อดีตนายกฯปู” ที่เข้าสวมกอด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พี่เขยและพี่สาว ด้วยความตื้นตันใจ กลางพิธีรดน้ำดำหัวแบบไทยๆ ของพรรคเพื่อไทย
จองภาพข่าวขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ
และไฮไลต์ที่ขาดไม่ได้กับคิว “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี สวมชุดลายดอก
สไกป์ข้ามประเทศ อวยพรลูกทีมพรรคเพื่อไทย เนื่องในเทศกาลสงกรานต์
ปลุกกำลังใจให้สมาชิกพรรคฮึดสู้ในสังเวียนเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น
นายใหญ่–นางสิงห์ ตีเนียนใช้จังหวะเทศกาลสำคัญ แหย่หนวดเสือ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แฝงการต่อสู้ทางการเมือง ลองเชิงกฎหมายความมั่นคง คสช.
ยังคงสร้างกระแสโปรโมตยี่ห้อ “ชินวัตร” ให้อยู่ในความสนใจของสังคมได้เสมอ
อาศัยลูกตอดเล็กตอดน้อย คอยสร้างความรำคาญใจให้ฝ่ายกุมอำนาจหลงเหลี่ยม เที่ยวออกมาไล่จับ “ขันแดง” จนเสียเครดิตในสายตาจากทั้งในและต่างประเทศ
เข้าล็อกยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทย ใช้เวทีนานาชาติร่วมกดดันรัฐบาลทหาร
ตามรูปการณ์ที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และ 6 องค์กรสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้จำกัดอำนาจของทหารลง
เพ่งเล็งคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 13/2559 ให้ทหารร่วมเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ มีอำนาจจับกุม ปราบปราม มาเฟีย ผู้มีอิทธิพล และผู้กระทำการอันเป็นภัยต่อสังคมใน 27 ฐานความผิด
โฟกัสจับตามองเป็นคำสั่งเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนและขัดต่อหลักนิติธรรม
ใกล้เคียงกับจังหวะที่คณะเอกอัครราชทูตจากสหภาพยุโรป 18 ประเทศ ออกโรงเรียกร้องรัฐบาลไทยยึดมั่นการให้เสรีภาพในการแสดงออกและยอมรับฟังความเห็นทุกฝ่าย
บลัฟกันตรงๆถึงการเรียกฝ่ายเห็นต่างมาเข้าคอร์สปรับทัศนคติเป็นสิ่งขัดต่อหลักการมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก
นานาชาติจับมือขัดคอบทดุของทหารไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง ในช่วงส่งไม้ต่อเข้าโหมดประชามติ
ภายหลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพิ่งลงมติเห็นชอบให้มีการตั้งประเด็นคำถามพ่วงประชามติแบบคะแนนเสียงท่วมท้น 152 ต่อ 0
เคาะคำถามพ่วงประชามติ “เห็นควรหรือไม่ว่า สมควรกำหนดบทเฉพาะกาลว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปีแรกให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี”
แปลความตรงๆได้ว่า ขอแชร์อำนาจให้ ส.ว.มีส่วนร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับ ส.ส.
เปิดช่องขอล้มกระดานชั่วคราว หลักการร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ให้ ส.ส.เป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรีฝ่ายเดียว
ถึงยังไง “แป๊ะ” ก็หาช่องเลี่ยงเอาตามใบสั่งจนได้
ท็อปบูตปักธงเอาแน่ วางกลไกคุมการเมืองระยะยาวให้เดินตามเป้าหมาย ไม่เสี่ยงปล่อยให้อำนาจหลุดไปอยู่ในมือรัฐบาลเลือกตั้ง 100% กลัวเสียของที่ลงแรงมาทั้งหมด
แต่จะหยุดอยู่แค่โจทย์ให้ ส.ว.ร่วมแชร์อำนาจเลือกนายกฯเพียงอย่างเดียวหรือไม่ ยังไม่มีใครรู้
เพราะโจทย์ใหญ่ เรื่องการดันให้ ส.ว.ร่วมโหวตลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ วางหมากกินรวบทั้งการแต่งตั้งนายกฯ และการควบคุมรัฐบาลหลังเลือกตั้ง
ยังไม่ได้ดั่งใจขั้วอำนาจพิเศษ
เพราะการให้ ส.ว.ร่วมแจมเลือกนายกฯ ยังไม่รับประกันว่าจะคุมรัฐบาลเลือกตั้งในอนาคตอยู่หมัดหรือไม่
อาจจะต้องออกแรงบู๊กันอีกยก ใส่โปรโมชั่นเสริมเพิ่มเติม
ตามสัญญาณแว่วๆที่นักการเมืองเม้าท์กันกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆ ยาแรงช็อตต่อไป ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ อาจถึงขั้นวางแปลนให้ล้างขั้วพรรคการเมืองในอนาคต
เซตซีโร่เริ่มต้นกันใหม่หมด เปิดทางนักการเมืองลงสมัครได้เสรี ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง บั่นทอนพลังพรรคการเมือง ไม่ให้มีฝ่ายใด
กุมเสียงข้างมากได้เป็นกอบเป็นกำ
ยาแรงที่ใช้อยู่ อาจไม่หยุดอยู่แค่นี้!!!
ทีมข่าวการเมือง