ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/607497
โดย ทีมข่าวการเมือง 19 เม.ย. 2559 05:01

ประเทศไทยกำลังอยู่ในห้วงบรรยากาศ “เมย์เดย์”
อารมณ์ความสุข กระแสปลาบปลื้ม ภาคภูมิใจไปกับวันแห่งความสำเร็จของ “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันสาวจากจังหวัดยโสธร ที่สร้างปรากฏการณ์กระหึ่มยุทธจักรลูกขนไก่ คว้าแชมป์ซุปเปอร์ซีรีส์ 3 รายการติด
ผงาดขึ้นแท่นมือหนึ่งหญิงเดี่ยวของโลก
แม้แต่วีไอพีระดับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ยังนั่งลุ้นติดหน้าจอทีวี และรีบต่อสายแสดงความยินดีผ่านกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ทันทีที่น้องเมย์คว้าแชมป์ที่ประเทศสิงคโปร์
ตามรูปการณ์ข่าวน้องเมย์น่าจะครองสื่อกระแสหลักไปอีกหลายวัน
และนั่นก็ช่วยเบี่ยงข่าว บรรเทาอุณหภูมิร้อนๆทางการเมืองไปชั่วขณะ ในจังหวะที่กระแสประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “มีชัย” กำลังล่อกันฝุ่นตลบ
โดยเฉพาะสถานการณ์มาถึงจุดที่ทหาร คสช.เปิดฉากรบกับนักเลือกตั้งอาชีพ
ตามปรากฏการณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์แตะมือกับพรรคเพื่อไทยเปิดฉากโซ้ยแรงๆกับ “เสธ.ไก่อู” พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ตอบโต้ที่โดนด่ากราดนักการเมืองไม่ดี
ในอารมณ์แบบที่ทีมงานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขู่ออกอากาศ เตือน คสช.อย่าประมาท คิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่พรรคประชาธิปัตย์จะจับมือกับพรรคเพื่อไทย คว่ำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ล่าสุด “เสี่ยไก่” นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีคนดังของพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้าพบกับทหารที่ มทบ.11 ตามที่นัดหมายก่อนสงกรานต์ โดยมีการโพสต์ข้อความสุดท้าย
“จะเอาผมไปปรับทัศนคติอีกกี่ครั้ง ผมก็ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้”
เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ 2 ป้อมค่ายการเมืองใหญ่ร่วมด้วยช่วยกันเขย่าเกมประชามติ แต่มันก็ยังมีเงื่อนไข อาการอยากลงสนามเลือกตั้งเป็น “ตัวแปร” ยังถือเอาเป็นตัวตัดสินไม่ได้
ที่น่าจับตาจริงๆก็คือพวกที่ต่อต้านโดยไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองแอบแฝง เริ่มกล้าเปิดหน้าแสดงตัวแสดงตนโดยไม่กลัวทหาร
ไม่สนจะถูกล็อกเข้าหลักสูตรปรับทัศนคติในค่าย
แบบที่เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองที่มีทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ฯลฯ เปิดแถลงข่าวในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน
คนชั้นปัญญาชนเคลื่อนไหว กระตุกน้ำหนักไหลไปที่ฝ่ายจ้องคว่ำประชามติ
เพิ่มโจทย์ยากๆให้ทหารในการฝ่าแรงเสียดทาน
ท่ามกลางสถานการณ์แปร่งๆ ปัจจัย “สุ่มเสี่ยง” ที่แทรกขึ้นมาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
กับปมที่คนนามสกุล “จันทร์โอชา” ได้เข้าเป็นทหารยศร้อยตรีด้วยวิธีพิเศษ
ล่าสุด “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม ยืนยันขณะนี้เรื่องอนุมัติการแต่งตั้งนายปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา บุตรชาย เป็นนายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือนกองทัพภาคที่ 3 บรรจุแล้ว บุตรชายตนต้องมารายงานตัว เพื่อทำงานต่อไป
โดยที่พี่ชายคือ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะลุงก็รับทราบ และไม่ได้ว่าอะไร
ขณะที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ก็ออกโรงเคลียร์เป็นเรื่องธรรมดา ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เพราะเรื่องนี้ถือเป็นอำนาจของตน ในฐานะ รมว.กลาโหม จะรับใครทำงานได้ทันทีทันใด อีกทั้งเป็นสาขาพิเศษที่ตนมีอำนาจในการรับบุคคลได้
ในมุมทหารระบบอุปถัมภ์เป็นเรื่องธรรมดาที่ปฏิบัติกันมาเป็นเรื่องปกติ
แต่ ณ ห้วงนี้ มันอาจเสี่ยงกับระดับ “ความชอบธรรม” ของ คสช.ที่หายไป
นั่นไม่เท่ากับว่า จับอาการ พล.อ.ปรีชา ที่ยืนยันต้องหาผู้ปล่อยเอกสารออกมาและผู้ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เป็นเอกสารราชการ
ชัดเจนว่า งานนี้ “คนวงใน” ด้วยกันเองปล่อยของประจาน
เจาะจงเลือกสถานการณ์เหมาะเจาะพอดีซะด้วย.
ทีมข่าวการเมือง