คสช.ต้องแยกมิตรแยกศัตรู โดดเดี่ยวขบวนการเพื่อแม้ว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/207960

วันจันทร์ ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ท่าทีที่แข็งกร้าวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่ปักธงต้องการให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบ 5 ปี ช่วงเปลี่ยนผ่านโดยเฉพาะการให้มีสมาชิกวุฒิสภา(สว.)จากการสรรหาทั้งหมด 250 คนและเปิดทางให้มีนายกฯคนนอกได้อาจจะกลายเป็นระเบิดเวลาที่นำไปสู่วิกฤติรัฐธรรมนูญ ซึ่งนอกจากร่างอาจจะไม่ผ่านการทำประชามติแล้วอาจนำไปสู่ความรุนแรงทางการเมืองหากคสช.ไม่ดำเนินยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่ยืดหยุ่นโดยไม่แยกมิตรแยกศัตรูให้กระจ่าง

หากแยกแยะกระแสต่อต้านกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่านจะพบว่ามีทั้งกลุ่มการเมือง นักวิชาการ และองค์กรภาคประชาชนหลายกลุ่มที่วิพากษ์วิจารณ์คัดค้านกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่านเชิงสร้างสรรค์อย่างบริสุทธิ์ใจ กับกลุ่มการเมืองที่ออกมาต่อต้านคสช.ในทุกเรื่องตั้งแต่ต้น โดยมีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งบ่อนทำลายคสช.และล้มการปฏิรูปประเทศ โดยเฉพาะพรรคเพื่อแม้วและเครือข่าย

ทั้งนี้กระแสวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญไม่ใช่มีแต่เฉพาะประเด็นเรื่องสว.สรรหาและการเปิดทางให้นายกฯมาจากคนนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเด็นรายละเอียดอื่นๆอีกมากมาย อาทิ เรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน สิทธิเสรีภาพของประชาชน สิทธิมนุษยชน

ดังนั้นเพื่อให้ภาพรวมสถานการณ์บ้านเมืองและการเดินหน้าปฏิรูปประเทศบรรลุเป้าหมายโดยไม่เกิดอุบัติเหตุจนล่มกลางคัน คสช.จำเป็นต้องแยกปลาออกจากน้ำกล่าวคือ แยกกลุ่มการเมือง นักวิชาการและองค์กรภาคประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์คัดค้านแนวคิดของคสช.โดยบริสุทธิ์ใจออกจากขบวนการเพื่อแม้ว โดยข้อเสนอแนวคิดของกลุ่มพลังบริสุทธิ์สร้างสรรค์เหล่านี้ หากสามารถประนีประนอมได้โดยไม่กระทบต่อแผนการใหญ่ก็ควรประนีประนอมเพื่อลดแรงต้านให้กลับมาเป็นแรงหนุน

ทั้งนี้หากวิเคราะห์ให้ถ่องแท้แล้วตัวปัญหาซึ่งบ่อนทำลายชาติบ้านเมืองขณะนี้ก็คือขบวนการเพื่อแม้ว ดังนั้นจึงต้องสร้างแนวร่วมให้ได้มากที่สุดแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วก็ไม่ได้ค้านแนวคิดของคสช.แบบหัวชนฝา โดยพร้อมที่จะประนีประนอมและความจริงพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่อยากตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของขบวนการเพื่อแม้วหากสถานการณ์ไม่บังคับ ทั้งนี้การสร้างแนวร่วมให้ได้มากที่สุดก็เพื่อโดดเดี่ยวขบวนการเพื่อแม้วซึ่งเป็นตัวปัญหาหลักที่บ่อนทำลายประเทศ

ทั้งนี้แค่สองพรรคใหญ่คือเพื่อแม้วกับประชาธิปัตย์ซึ่งมีฐานเสียงทั่วประเทศรวมกันกว่า 20 ล้านเสียง หากรวมหัวกันคว่ำร่างรัฐธรรมนูญก็เหนื่อยแล้ว ยังไม่รวมพลังภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่อยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่ตัวเองต้องการ ซึ่งหากร่วมขบวนการรณรงค์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญโอกาสที่ร่างจะผ่านประชามติคงริบหรี่เต็มที เพราะฉะนั้นคสช.ต้องยืดหยุ่นคิดถึงสถานการณ์ใหญ่โดยดำเนินยุทธศาสตร์แยกมิตรแยกศัตรูและดึงแนวร่วมให้ได้มากที่สุดเพื่อโดดเดี่ยวขบวนการเพื่อแม้วให้ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่าน รวมทั้งแสดงความจริงใจเพื่อขจัดข้อครหาเรื่องสืบทอดอำนาจ ซึ่งหากดำเนินการดังว่าก็เชื่อว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงคงผ่านการทำประชามติได้ไม่ยากอันจะทำให้แผนการใหญ่เพื่อปฏิรูปประเทศช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นไปด้วยความราบรื่น โดยขบวนการเพื่อแม้วหมดข้ออ้างความชอบธรรมที่จะบ่อนทำลายขัดขวางการปฏิรูปประเทศอีกต่อไป

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment