ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/208761
ท่าทีที่แข็งกร้าวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ปักธงต้องการให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบ 5 ปี ช่วงเปลี่ยนผ่านโดยเฉพาะการให้มีสมาชิกวุฒิสภา(สว.)จากการสรรหาทั้งหมด 250 คน และเปิดทางให้มีนายกฯคนนอกท่ามกลางความหวั่นวิตกว่าอาจจะกลายเป็นระเบิดเวลาที่นำไปสู่วิกฤติรัฐธรรมนูญซึ่งนอกจากร่างอาจจะไม่ผ่านการทำประชามติแล้วยังอาจนำไปสู่ความรุนแรงทางการเมืองหากคสช.ไม่วางหมากแก้เกมทางการเมืองที่ยืดหยุ่นโดยไม่แยกมิตรแยกศัตรูให้กระจ่าง
หากแยกแยะกระแสต่อต้านกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่านจะพบว่ามีทั้งกลุ่มการเมือง นักวิชาการ และองค์กรภาคประชาชนหลายกลุ่มที่วิพากษ์วิจารณ์คัดค้านกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่านเชิงสร้างสรรค์อย่างบริสุทธิ์ใจ กับกลุ่มการเมืองที่ออกมาต่อต้านคสช.ในทุกเรื่องตั้งแต่ต้นโดยมีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งบ่อนทำลายคสช.และล้มการปฏิรูปประเทศโดยเฉพาะขบวนการระบอบทักษิณและเครือข่าย
หากพิจารณากระแสวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญให้ดีจะพบว่าไม่ใช่มีแต่เฉพาะประเด็นเรื่องสว.สรรหาและการเปิดทางให้มีนายกฯคนนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเด็นรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ เรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน สิทธิเสรีภาพของประชาชน สิทธิมนุษยชน
ลำพังแค่สองพรรคใหญ่คือเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ซึ่งมีฐานเสียงทั่วประเทศรวมกันคาดว่ากว่า 20 ล้านเสียง หากรวมหัวกันคว่ำร่างรัฐธรรมนูญก็ถือเป็นสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงที่ร่างรัฐธรรมนูญจะถูกคว่ำในการทำประชามติ อย่าว่าแต่ยังมีพลังภาคประชาชนอีกหลายกลุ่มที่อยากให้กำหนดในรัฐธรรมนูญในประเด็นที่ตัวเองต้องการซึ่งหากร่วมขบวนการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญโอกาสที่ร่างจะผ่านประชามติคงริบหรี่เต็มที
ด้วยเหตุนี้หากคสช.คิดถึงสถานการณ์ใหญ่และอยากให้ร่างผ่านการทำประชามติจำเป็นต้องดำเนินยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่ยืดหยุ่นด้วยการแยกมิตรแยกศัตรูและดึงแนวร่วมให้ได้มากที่สุดเพื่อโดดเดี่ยวระบอบทักษิณ
ทั้งนี้หากวิเคราะห์ให้ถ่องแท้แล้วตัวปัญหาสำคัญซึ่งบ่อนทำลายชาติบ้านเมืองจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญและล้มการปฏิรูปประเทศก็คือขบวนการระบอบทักษิณ ดังนั้นจึงต้องสร้างแนวร่วมให้ได้มากที่สุดแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วก็ไม่ได้ค้านแนวคิดของคสช.แบบหัวชนฝาโดยพร้อมที่จะประนีประนอมและความจริงพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่อยากตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของขบวนการเพื่อแม้วหากสถานการณ์ไม่บังคับ
ดังนั้นหากคสช.อยากให้การเดินหน้าปฏิรูปประเทศบรรลุเป้าหมายโดยไม่เกิดอุบัติเหตุจนล่มกลางคัน คสช.จำเป็นต้องแยกปลาออกจากน้ำกล่าวคือแยกกลุ่มการเมือง นักวิชาการและองค์กรภาคประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์คัดค้านแนวคิดของคสช.โดยบริสุทธิ์ใจออกจากขบวนการระบอบทักษิณ โดยข้อเสนอแนวคิดของกลุ่มพลังบริสุทธิ์เชิงสร้างสรรค์เหล่านี้หากสามารถประนีประนอมได้โดยไม่กระทบต่อแผนการใหญ่เพื่อการปฏิรูปประเทศก็จะสามารถลดแรงต้านให้กลับมาเป็นแรงหนุน
ขณะเดียวกันคสช.ต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่าน รวมทั้งแสดงความจริงใจอย่างชัดเจนเพื่อขจัดข้อหวาดระแวงในเรื่องการสืบทอดอำนาจ ซึ่งหากดำเนินการดังกล่าวก็เชื่อว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงคงผ่านการทำประชามติได้ไม่ยากอันจะทำให้แผนการใหญ่เพื่อปฏิรูปประเทศช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นไปด้วยความราบรื่น โดยขบวนการระบอบทักษิณจะไม่มีข้ออ้างความชอบธรรมใดๆ ที่จะบ่อนทำลายขัดขวางการปฏิรูปประเทศอีกต่อไป เว้นแต่จะจงใจสร้างสถานการณ์ป่วนประเทศอันเป็นการท้าทายความชอบธรรม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสุดท้ายแล้วร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเพื่อการปฏิรูปประเทศจะผ่านการทำประชามติหรือไม่ปัจจัยชี้ขาดอยู่ที่ประชาชนผู้เป็นเสียงสวรรค์ว่า ยังศรัทธาไว้วางใจที่จะให้คสช.เดินหน้าปฏิรูปประเทศช่วงเปลี่ยนผ่านหรือไม่
ทีมข่าวการเมือง