ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/207204
สัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีแนวคิดใน 2 ประเด็นสำคัญที่จะกำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั่นคือการให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มาจากการสรรหาทั้งหมด และการกำหนดเปิดช่องให้มีนายกฯจากคนนอกได้ เพื่อให้การวางรากฐานปฏิรูปประเทศในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนผ่านหลังมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งไร้อุปสรรคขัดขวาง ขณะที่มีกระแสต่อต้านแบบหัวชนฝาจากสองพรรคใหญ่คือพรรคเพื่อแม้วและประชาธิปัตย์ รวมทั้งกลุ่มนักวิชาการประเภทประชาธิปไตยจ๋าโดยอ้างว่าคสช.กำลังวางแผนสืบทอดอำนาจ
ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่า ร่างรัฐธรรมนูญจะสืบทอดอำนาจหรือไม่ แต่อยู่ที่เจตนาเป้าหมายว่า มุ่งทำเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริงหรือไม่ต่างหาก ซึ่งต้องยอมรับว่า บ้านเมืองอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของการเปลี่ยนผ่านจากสถานการณ์รัฐประหารไปสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งจำเป็นต้องมีกลไกพิเศษที่คอยประคับประคองและวางรากฐานการปฏิรูปประเทศซึ่งต้องใช้เวลาและยังมีอีกหลายเรื่องที่จะยังต้องทำให้สำเร็จโดยไม่ถูกขัดขวาง
ในเมื่อคสช.ลงทุนยึดอำนาจนำประเทศถอยหลังเข้าคลองเพื่อปฏิรูปประเทศแก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างยั่งยืนไม่ให้กลับไปสู่วังวนธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอันชั่วร้ายทั้งที ก็ควรทำไปให้ถึงที่สุด เพื่อการรัฐประหารและปฏิรูปประเทศจะได้ไม่เสียของ
เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพรรคเพื่อแม้วซึ่งประกาศจุดยืนชัดเจนขวางการปฏิรูปประเทศเพื่อปราบโกงได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเชื่อได้เลยว่าจะมีการรื้อรัฐธรรมนูญและสิ่งที่คสช.ทำไว้ขนานใหญ่ โดยบ้านเมืองจะกลับไปสู่สภาพอันเลวร้ายเหมือนที่ผ่านมา และนั่นจะเป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนออกมาแสดงพลังขับไล่นำพาประเทศไปสู่วิกฤติความรุนแรง และในที่สุดหนีไม่พ้นที่จะจบลงด้วยกองทัพเข้ายึดอำนาจกลายเป็นวงจรอุบาทว์ซ้ำซาก
เพราะฉะนั้นหากบ้านเมืองในช่วงเปลี่ยนผ่านมีประชาธิปไตยจ๋าแล้วนำไปสู่ความพินาศย่อยยับซ้ำซากซึ่งมีบทเรียนให้เห็นมาแล้วจะมีประโยชน์อะไร
ตรงกันข้ามหากมีกลไกพิเศษซึ่งแม้จะเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ แต่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงและเป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมืองสมควรที่จะมีการต่อต้านอย่างนั้นหรือ
ภายใต้หัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนผ่านเป้าหมายเพื่อชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และการทำงานใหญ่ไม่ควรที่จะคำนึงถึงเรื่องวิธีการหรือประเด็นปลีกย่อยหรือประชาธิปไตยจ๋ามากเกินไป ดังที่ เติ้ง เสี่ยว ผิง อดีตผู้นำและรัฐบุรุษของจีนเคยกล่าวไว้ว่า “แมวสีอะไรไม่สำคัญ
ขอเพียงให้จับหนูได้”
ดังนั้นไหนๆ ประเทศก็ลงทุนถอยหลังเข้าคลองมาจนขนาดนี้ก็ควรไว้ใจคสช.ให้เดินหน้าปฏิรูปประเทศให้สำเร็จดีกว่ากลับไปสู่ประชาธิปไตยเต็มใบขณะที่เชื้อชั่วร้ายทางการเมืองยังมีฤทธิ์เดชอยู่ แต่หากเหล่านักลากตั้งและนักวิชาการประชาธิปไตยจ๋ายังต่อต้านแนวคิดประชาธิปไตยครึ่งใบก็ควรให้ประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้ตัดสินในการลงประชามติว่า อยากให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยจ๋าหรือจะสนับสนุนประชาธิปไตยครึ่งใบของคสช.เพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศให้สำเร็จ ไม่ใช่ถูกสร้างกระแสครอบงำโดยนักการเมืองหรือนักวิชาการเพียงไม่กี่คน
ทีมข่าวการเมือง