ระบอบทักษิณหลังผิงฝา สัญญาณเดือดเปิดศึกแตกหัก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/211726

วันอาทิตย์ ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ระบอบทักษิณนับวันจะตกอยู่ในสภาพถูกไล่ต้อนจนหลังพิงฝาและอาจถึงขั้นล่มสลายภายใต้เกมรุกแบบจัดหนักของจากการอยู่ยาวภายใต้เงาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีแนวโน้มคุมอำนาจอีกนานหลายปีไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ขณะที่คนในตระกูลชินกำลังนับถอยหลังทะยอยเดินเข้าสู่ประตูคุกจากคดีในอดีต ซึ่งภายใต้สถานการณ์เข้าตาจนทำให้ช่วงหลัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกออกมาเคลื่อนไหวนำทัพปลุกขวัญเหล่าบริวารเครือข่ายระบอบทักษิณถี่มากขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมทำศึกแตกหัก

เรื่องที่ นายทักษิณ กังวลมากที่สุดและยอมไม่ได้ก็คือชะตากรรมของคนใกล้ชิดในตระกูลชินวัตรที่กำลังประสบชะตากรรมจากคดีอื้อฉาวไม่ว่าจะเป็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ซึ่งเป็นจำเลยคนสำคัญคดีโครงการรับจำนำข้าวซึ่งหากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินว่ามีความผิดจริงโทษสูงสุดสำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือจำคุก 10 ปี ยังไม่รวมถึงการถูกฟ้องเพื่อให้ชดใช้เงินแก่แผ่นดินอีกนับแสนล้านบาทจากความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าว

ขณะที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ น้องเขยของนายทักษิณ ก็ถูกดำเนินคดีในข้อหาสั่งสลายการชุมนุมมวลชนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อปี 2551 จนมีประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ส่วน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณก็ส่อเค้าอาจถูกดำเนินคดีฐานถูกตั้งข้อสงสัยว่ารับสินบนพัวพันคดีทุจริตการปล่อยกู้ให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดา
มหานครของธนาคารกรุงไทยยุครัฐบาลทักษิณ

คดีที่ชี้ชะตากรรมของคนสำคัญในตระกูลชินเหล่านี้โดยเฉพาะคดีโครงการรับจำนำข้าวคาดว่าศาลจะชี้ขาดในราวช่วงต้นปีหน้าก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปและมีรัฐบาลชุดใหม่จากการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ระบอบทักษิณกำลังจะถูกรุกไล่ในทุกแนวรบจนอยู่ในสภาพหลังชนกำแพงโดยเฉพาะจากรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงภายใต้แผนปฏิรูปประเทศครั้งสำคัญที่บัญญัติโทษขั้นเด็ดขาดรุนแรงเพื่อขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบโดยคาดโทษนักการเมืองโกงนอกจากถูกดำเนินคดีอาญาและต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่แผ่นดินแล้ว ยังจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต

ยิ่งล่าสุด คสช.เปิดเกมรุกคุมแบบจัดหนักด้วยการผลักดันให้มีบทบัญญัติในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญโดยมีกลไกพิเศษประชาธิปไตยแบบครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี หลังการเลือตั้งโดยเฉพาะการกำหนดให้มีสมาชิกวุฒิสภา(สว.)จากการสรรหาจำนวน 250 คน ซึ่งไม่ต่างจากพรรคการเมืองใหญ่ที่มีอำนาจพิทักษณ์รัฐธรรมนูญและเดินหน้าปฏิรูปประเทศ โดยรัฐธรรมนูญบัญญัติให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ยากมาก ขณะที่สภาผู้แทนฯต้องรายงานความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศต่อวุฒิสภาทุก 3 เดือน

ที่สำคัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)มีมติให้ตั้งคำถามพ่วงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่า ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้วุฒิสภาร่วมในการเลือกนายกฯ ขณะที่บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้มีนายกฯจากคนนอกได้ยิ่งทำให้โอกาสที่ระบอบทักษิณจะกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศยิ่งริบหรี่ลงไปอีก

ระบอบทักษิณพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและปลุกระดมให้ประชาชนร่วมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ แต่ก็ถูกเดินเกมตอบโต้โดยมีการออกกฎเหล็กคุ้มเข้มขบวนการจ้องป่วนเมืองผ่าน พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบของสนช.โดยมีการคาดโทษหนักถึงขั้นติดคุกสำหรับขบวนการบิดเบือนและป่วนการทำประชามติ ขณะที่คสช.มีคำสั่งให้อำนาจทหารตรวจค้นจับกุมร่วมกับตำรวจตามนโยบายกวาดล้างผู้มีอิทธิพลซึ่งมีผลทำให้พรรคเพื่อไทยขยับเพื่อก่อหวอดทางการเมืองได้ลำบาก

เกมทั้งปัจจุบันและอนาคตอยู่ภายใต้การกำหนดของคสช.อย่างสิ้นเชิง แม้ร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านการทำประชามติ คสช.ก็ยังสามารถที่จะนำรัฐธรรมนูญที่จัดเตรียมไว้ขึ้นมาประกาศใช้ได้ทันที ดังนั้นแม้จะมีการเลือกตั้งและหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาลก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี อันเป็นแผนที่คสช.วางไว้

แต่ที่สำคัญและเป็นความกังวลของ นายทักษิณ ที่สุดก็คือความหวังที่จะช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคนในตระกูลชินให้รอดพ้นชะตากรรมอันเลวร้ายซึ่งหากจะรอพรรคเพื่อไทยกลับมามีอำนาจคงสายเกินไปเสียแล้ว

ดังนั้นหนทางภายใต้สถานการณ์ที่ถูกรุกหนักในทุกแนวรบจนหลังพิงฝาก็คือทำศึกแตกหักกับคสช.ซึ่งนักสังเกตการณ์ทางการเมืองมองว่า แนวโน้มสถานการณ์จากนี้ไปการเคลื่อนไหวของขบวนการเครือข่ายระบอบทักษิณทั้งหลายจะดุเดือดเข้มข้นท้าทายคสช.มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบนดินและใต้ดิน จนอาจลุกลามไปถึงจุดวิกฤติความรุนแรงอย่างที่ระบอบทักษิณเคยทำมาแล้วในอดีต

ทีมข่าวการเมือง

Leave a comment