ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/creative/206261
นับเป็นกรรมของสองอาจารย์ ศิษย์คือสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ประธานมหาเถรสมาคม(มส.)กับ ธัมมชโย เจ้าสำนักจานบิน ที่ต่างส่อเค้าว่ากำลังจะถึงเวลาต้องชดใช้ตามกฎแห่งกรรม
ที่ผ่านมา สมเด็จช่วง และมส.ส่อพฤติกรณ์ปกป้อง ธัมมชโย มาตลอดโดยงุบงิบลงมติถึง 2 ครั้งว่า ธัมมชโย ไม่ปาราชิกพ้นความเป็นพระอันเป็นการขัดพระบัญชา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่ตัดสินไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2542 ว่า ธัมมชโย ประพฤติผิดร้ายแรงพ้นจากความเป็นพระ
นอกจากปกป้อง ธัมมชโย ผู้เป็นศิษย์ สมเด็จช่วง โดยการสนับสนุนของมส.ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าล้วนอยู่ภายใต้การครอบงำด้วยผลประโยชน์ของสำนักจานบิน ยังลงมติเสนอชื่อ สมเด็จช่วง ขึ้นเป็นพระสังฆราช ทั้งๆ ที่สำนักผู้ตรวจการแผ่นดินชี้ชัดว่า ขัดต่อมาตรา 7 ของพ.ร.บ.สงฆ์ เพราะการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ สมเด็จช่วง ยังมีมลทินในคดีครอบครองรถเบนซ์โบราณผิดกฎหมายถึง 12 ข้อหา
กรรมและมลทินทั้งหมดของ สมเด็จช่วง ทำให้พุทธศาสนิกชนจำนวนไม่น้อยเห็นว่า สมเด็จช่วง ไม่เหมาะสมขึ้นเป็นพระสังฆราช และความจริงหากสมเด็จช่วง เป็นพระเถระผู้มีศีลอันบริสุทธิ์ละแล้วซึ่งกิเลสทั้งปวงไม่ยึดติดคิดเป็นใหญ่ สั่งสมทรัพย์สมบัติ และปกป้องอลัชชี และเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในวงการพุทธศาสนา
ก็สมควรถอนตัวไม่รับการเสนอชื่อเป็นพระสังฆราชตั้งแต่แรก
กรรมของ สมเด็จช่วง ทั้งปวงทำให้ความหวังที่จะเป็นใหญ่แทบจะเป็นไปไม่ได้ซึ่งสะท้อนจากท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ย้ำว่าหากยังมีปัญหาก็จะไม่มีการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราช
ส่วนชะตากรรมของ ธัมมชโย นั้น อาจเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นโคม่ายิ่งกว่าผู้เป็นอาจารย์ หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเป็นคนสนิทของ ธัมมชโย เป็นเวลา 16 ปี ในคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กว่า 16,000 ล้านบาท โดยเงินส่วนหนึ่งมีการยักย้ายถ่ายเทโอนเข้าบัญชี ธัมมชโย และสำนักจานบิน เบื้องต้นเท่าที่ตรวจพบกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งปรากฏหลักฐานชัดเจนแน่นหนา อีกทั้ง นายศุภชัย ยอมรับสารภาพต่อศาลจึงได้รับการลดโทษลงครึ่งหนึ่งจากเดิมที่มีโทษจำคุกถึง 32 ปี
สำหรับ ธัมมชโย ถูกตั้งข้อหารับของโจร ซึ่งหากคดีเข้าสู่ศาลต้องพ้นความเป็นพระ
จากสถานการณ์ที่กำลังย่ำแย่ทั้ง สมเด็จช่วง และ ธัมมชโย ปรากฏว่าล่าสุดพรรคเพื่อแม้ว ออกแถลงการณ์ปกป้องม็อบผ้าเหลืองที่ก่อนหน้านี้ออกมากดดันให้รัฐบาลรีบเสนอชื่อ สมเด็จช่วง ขึ้นเป็นสังฆราช พร้อมทั้งโจมตีคสช.และรัฐบาลว่าคุกคามสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีใช้ทหารสกัดม็อบผ้าเหลือง ทั้งๆ ที่ความจริงมีภาพปรากฏเป็นหลักฐานชัดเจนว่า ม็อบผ้าเหลืองซึ่งมีทั้งพระแท้พระเทียมล็อกคอทำร้ายทหารดุจอันธพาล
การออกแถลงการณ์ของพรรคเพื่อแม้วอาจเป็นสัญญาณดิ้นตะแบงสู้แบบเลือดเข้าตาของสองพันธมิตรคือขบวนการเพื่อแม้วกับลัทธิจานบินที่ขณะนี้อยู่ในภาวะเสื่อมและใกล้จนมุมเข้าไปทุกขณะ
ทีมข่าวการเมือง