ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/594402
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 23 มี.ค. 2559 05:01

อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เริ่มปลูกทุเรียนปี 2528 เพราะเป็นพื้นที่เปิดใหม่ดินดี ปลูกทุเรียนได้คุณภาพรสชาติอร่อย โรคและแมลงยังไม่ดื้อยา…กระทั่งปี 2553 เกิดโรครากเน่า โคนเน่า และหนอน ด้วงหนวดยาวระบาดขยายเป็นวงกว้าง เนิ่นนานวันผลผลิตเริ่มไม่มีคุณภาพ พ่อค้าไม่สนใจเข้ามารับซื้อ
“ปีนั้นจึงเป็นยุคทุเรียนศรีสะเกษล่มสลาย ทุเรียนพื้นที่อื่นขายได้ราคา กก.ละ 40-50 บาท แต่ทุเรียนศรีสะเกษขายได้แค่ 20 บาท ชาวบ้านเริ่มทิ้งสวน หันไปปลูกพืชอย่างอื่น แต่ยังมีเกษตรกรบางรายต้องการทำสวนทุเรียนต่อ จึงขอความช่วยเหลือกับทางจังหวัด และสถาบันวิจัยพืชสวนศรีสะเกษ”
นายธวัชชัย นิ่มกิ่งรัตน์ ผอ.ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ สถาบัน วิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร เล่าว่า การเข้าไปสำรวจพบต้นทุเรียนส่วนใหญ่มีสภาพเกือบยืนต้นตาย ใบดอกร่วงเกือบหมด โคนต้นมองแทบไม่เห็นหน้าดิน จึงรู้ว่าจริงๆแล้วชาวบ้านไม่มีความรู้เรื่องการทำสวนทุเรียนเลย ไม่รู้วิธีป้องกันกำจัดโรคแมลงว่าต้องทำอย่างไร ช่วงไหนควรใส่ปุ๋ยสูตรอะไร ให้น้ำเวลาใดจึงเหมาะสม ดูแลรักษาอย่างไรต้นทุเรียนจึงสมบูรณ์
“ต้นไหนกู้ไม่ไหวจริงๆ ต้องขุดทิ้ง ส่วนต้นเสื่อมโทรม ต้องมาเริ่มแก้ปัญหาและทำพร้อมกันทุกแปลงทั้งจังหวัด ให้เสร็จภายในสัปดาห์ เพื่อไม่ให้โรคและแมลงศัตรูพืชต่างๆอพยพย้ายที่อยู่ ช่วงแรกจำเป็นต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช จากนั้นค่อยๆลดปริมาณลง เพราะหากเลือกใช้วิธีผสมผสาน หรือ IPM ไม่ได้ผลแน่ เอาศัตรูพืชไม่อยู่”
2 ปีผ่านไป พื้นที่ปลูกทุเรียน 3,000 ไร่ กู้ขึ้นมาได้ 1,300 ไร่ ส่วนผลผลิตหากจะถามว่าได้เพิ่มกี่ร้อยพันกิโลฯนั้นบอกไม่ได้ เพราะแต่ละสวนสภาพความเสื่อมโทรมแตกต่างกันไป แต่ทุกรายสามารถเก็บทุเรียนขายเพิ่มขึ้นเท่าตัว และขายได้ราคา กก.ละ 35-50 บาท…ชาวบ้านเริ่มมีกำลังใจ ธวัชชัย จึงตั้งเป้าหมายการผลิตทุเรียนใหม่ หนนี้ไม่เน้นปริมาณ มุ่งผลิตแต่ทุเรียนคุณภาพ เพราะตลาดยั่งยืนขายได้ราคาดีกว่า
เริ่มตั้งแต่ใช้ตาข่ายดักปลานำมาพันรอบโคนต้น เพื่อดักด้วงหนวดยาว ซึ่งมีนิสัยชอบเดินขึ้นลงในแนวดิ่งตามโคนต้น ด้วงหนวดยาวไต่มาเจอตาข่าย หนามด้วง (หนวด) จะติดตาข่ายตาย หมดโอกาสวางไข่ให้กลายเป็นหนอนเจาะต้นทุเรียน
หลังเก็บเกี่ยวตัดแต่งกิ่งให้ต้นโปร่ง แสงแดดส่องถึง ลมถ่ายเทสะดวก จะได้ไม่เป็นที่พักอาศัยของเชื้อรา บำรุงปุ๋ยเพิ่มความสมบูรณ์ทางกิ่งใบ เน้นปุ๋ยสูตรมีไนโตรเจนสูง…จากนั้นเตรียมต้นให้พร้อมออกดอก เน้นใส่ปุ๋ยสูตรเลขตัวหลังมาก ช่วงนี้ประมาณ 1 เดือน ให้น้ำตลอด…ก่อนทุเรียนออกดอก 2 เดือน งดให้น้ำ (ธ.ค.-ม.ค.)
รอจนกระทั่งออกดอก จึงให้น้ำต่อแบบโชย เพื่อให้ความชื้นสม่ำเสมอ เพื่อดอกทุเรียนจะได้ไม่ร่วงหล่น เมื่อเจอสภาพอากาศแห้งแล้งรุนแรงเหมือนที่หลายสวนเคยเจอกันมา
และผลจากการนำวิชาการมาให้ชาวบ้านใช้แก้ปัญหา จึงทำให้ปีที่ผ่านมา คนขุนหาญได้ผลผลิตไร่ละ 3,000 กก. ขายได้ กก.ละ 100 บาท…ชาวบ้านมีที่ทำกินแค่ 4 ไร่ เก็บทุเรียนขายได้แค่ปีละ 1.2 ล้านเท่านั้นเอง.
เพ็ญพิชญา เตียว

