ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/596902
โดย สะ-เล-เต 28 มี.ค. 2559 05:01

สัปดาห์ที่แล้วเขียนติงนโยบายเกษตรอินทรีย์ของรัฐบาลติดต่อกันหลายตอน ในมุมมองที่อาจค้านความรู้สึก ความเชื่อของผู้อ่านบางท่าน มองไปว่า…เขียนรับใช้นายทุนค้าปุ๋ยเคมี
วันนี้เลยขอเขียนถึงเรื่องนี้อีกสักหน่อย…ถ้ามองว่าเขียนปกป้องพ่อค้าปุ๋ยเคมี ลองมองย้อนไปอีกมุม นโยบายเกษตรอินทรีย์จะเป็นการส่งเสริมให้พ่อค้าปุ๋ยอินทรีย์ได้อิ่มหนำสำราญยิ่งๆขึ้นไปไหม และจะเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรถูกเอาเปรียบมากขึ้น ได้สินค้าราคาสูง แต่คุณภาพต่ำหรือเปล่า
เพราะอย่าลืมว่าการส่งเสริมให้ปลูกพืชอินทรีย์กันมากมาย มูลวัวมูลไก่ มูลสุกร รวมทั้งสารพัดวัตถุดิบที่นำมาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์มีไม่พอแน่ เกษตรกรต้องซื้อปุ๋ยอินทรีย์มาใช้ ประกอบนิสัยเกษตรกรบ้านเรายุคนี้เอาความสะดวกเข้าว่า คิดจะซื้อมาใช้มากกว่าทำเอง
คราวนี้มาดูกฎหมายปุ๋ยกันบ้าง…ปุ๋ยเคมีตามกฎหมายนั้นบังคับไว้ชัดเจน ต้องมีธาตุอาหารหลัก 3 อย่าง N-P-K รวมกันไม่น้อยกว่า 20% แต่สูตรยอดนิยมที่ใช้กัน 16-16-16 มีธาตุอาหารรวมกัน 48%
ส่วนปุ๋ยอินทรีย์กฎหมายบังคับต้องมี 3 ธาตุอาหารหลักรวมกันไม่น้อยกว่า 2%
คิดง่ายๆแบบเด็ก ป.1 เมื่อมีธาตุอาหารให้พืชรวมกันแค่ 2%อย่างนี้สมควรจะเรียกว่าปุ๋ยมั้ยเนี่ย…เราไปซื้อเป็ด ไก่ หมู วัว มากิน ถ้ามันมีโปรตีนอยู่แค่ 2% จะยอมเสียเงินซื้อมากินมั้ย มันจะเป็นเนื้อสัตว์ปลอมจากจีนหรือเปล่า
มาดูเรื่องราคากัน…ณ วันนี้ ปุ๋ยอินทรีย์มีธาตุอาหาร 2% ราคาขายอยู่ที่ กก.ละ 4 บาท ดังนั้นราคาธาตุอาหารสำหรับพืชของปุ๋ยอินทรีย์จะอยู่ที่เปอร์เซ็นต์ละ 2 บาทต่อ กก.
ส่วนปุ๋ยเคมียอดนิยมมีธาตุอาหาร 48% ราคาขายอยู่ที่ กก.ละ 16 บาท…ราคาธาตุอาหารสำหรับพืชของปุ๋ยอินทรีย์จะอยู่ที่เปอร์เซ็นต์ละ 34 สตางค์ต่อ กก.
ราคาธาตุอาหารในปุ๋ยอินทรีย์แพงกว่า 11 เท่าตัว
คราวนี้พอจะมองเห็นภาพกันหรือยัง…ใครกันแน่ที่จะอู้ฟู่เอาจากการเอาสินค้าคุณภาพต่ำมาขายแพง เกษตรกรจะถูกเอาเปรียบมากเกินไปไหม.
สะ–เล–เต